Latest News

Monday, December 3, 2012

อิเหนา : เกิดนางวิยะดา (๒๖)



เกิดนางวิยะดา


     ช้า

     เมื่อนั้น
ฝ่ายประไหมสุหรีศรีใส
แต่ละห้อยคอยหาพระดนัย                      
นางไม่เป็นสุขสักเวลา
พระครรภ์ได้สิบเดือนโดยกำหนด
จะประสูติโอรสเสนหา
ให้เจ็บปวดรวดเร้าทั้งกายา
ประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายปราณ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
นางกำนัลต่างคนอลหม่าน
บ้างเข้าประคององค์นงคราญ
หมอผู้หญิงอยู่งานผันแปร
เหล่าพวกข้าหลวงก็ตกใจ*
บ้างวิ่งไปบอกกล่าวท่านเถ้าแก่*
เจ้าขรัวนายออกมานั่งสั่งหุ้มแพร
ให้เตรียมแตรพิณพาทย์ฆ้องชัย
แล้วหมายบอกไปเบิกน้ำสุรา
สำหรับยาจะได้ดองสักสองไห*
เตือนเจ้าพนักงานทหารใน
ให้ยกที่ประทมไฟเข้าไปพลาง
เชื้อพระวงศ์ทรงถือเขนยทอง
นั่งหนุนพระขนองทั้งสองข้าง
เห็นโฉมฉายประชวรครวญคราง
กำนัลนางน้อยน้อยพลอยตีทรวง
บ้างเร่งหาหมอยาหมอนวด
เรียกตำรวจเข้ามาผูกผ้าหน่วง
บ้างต้มน้ำทำการทั้งปวง
ในเรือนหลวงวิ่งไขว่กันไปมา
ที่นับถือผีสางลางคน
ก็บวงบนเอาเบี้ยขึ้นเหน็บฝา
บ้างอวดรู้ดูยามสามตา
จะประสูติไม่ช้าเวลานี้
เหล่าพวกเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน
ก็ลนลานคลานเข้าไปในที่
ชิงกันเอาหน้าพาที
ทูลคดีให้ทราบบาทา
ฯ ๑๔ คำ เจรจา ฯ
 
     เมื่อนั้น
พระผ่านภพกุเรปันนาถา
ครั้นแจ้งก็รีบลีลา
ลงมาที่อยู่เยาวมาลย์
ทรงนั่งบัลลังก์รัตน์รูจี
พิศพักตร์มารศรีแล้วสงสาร
จึงกำชับหมอผู้หญิงที่อยู่งาน
ดูอาการกัลยายิ่งอาวรณ์
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ประไหมสุหรีศรีสมร
เจ็บจวนประชวรพระอุทร
บังอรไม่เป็นสมประดี
ครั้นปัจจุสมัยใกล้สว่าง
เสียงประโคมดุริยางค์อึงมี่
พอได้ฤกษ์เวลานาที
มารศรีประสูติพระธิดา
ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี
     เมื่อนั้น
องค์มะเดหวีเสนหา
รับราชบุตรีนั้นมา
โสรจสรงธาราทันใด
แล้ววางองค์ลงเหนือพระยี่ภู่
ลาดปูโขมพัตถ์ผ่องใส
เอาพานทองรองรับตั้งไว้
ที่ในกระโจมแพรแสสุวรรณ
พระวงศามาเฝ้าพิทักษ์ถนอม
แน่นนั่งพรั่งพร้อมรับขวัญ
ท้าวนางพระสนมกำนัล
ชวนกันชื่นชมยินดี
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พระผู้ผ่านกุเรปันกรุงศรี
พิศโฉมพระราชบุตรี
ลออองค์อินทรีย์เพียงนางฟ้า
อันนิมิตที่เป็นให้เห็นนั้น
ก็เหมือนกันกับบุตรีดาหา
จึงให้นามตามวงศ์เทวา
ชื่อระเด่นวิยะดานารี
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
ฝ่ายมหาอำมาตย์ทั้งสี่
จึงจัดบุตรเสนาบรรดามี
แปดร้อยนารีจำเริญวัย
ทั้งเงินทองของขวัญต่างต่าง
ตามอย่างพระธิดาประสูติใหม่
ให้เถ้าแก่โขลนจ่าพาเข้าไป
ยังในนิเวศน์วังพลัน
ต่างบังคมคัลอัญชลี
องค์ศรีปัตหรารังสรรค์
ตำมะหงงยาสาเสนานั้น
ทูลถวายของขวัญทันที
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี
ยิ่งทรงโสมนัสพันทวี
จึงจัดสี่พี่เลี้ยงพระธิดา
ล้วนบุตรเสนีมีศักดิ์
นรลักษณ์รูปทรงวงศา
คนหนึ่งชื่อบาหยันกัลยา
ซ่าเหง็ดโสภานารี
หนึ่งชื่อประเสหรันแน่งน้อย          
ประลาหงันแช่มช้อยโฉมศรี
ตำแหน่งที่พี่เลี้ยงพระบุตรี
ตั้งได้แต่สี่พารา
อันบุตรเสนีทั้งนั้น
แบ่งเป็นกำนัลซ้ายขวา
แล้วประทานสิ่งของนานา
เงินทองแพรผ้าสารพัน
ฯ ๘ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
เนาในพลับพลาพนาวัน
สุริยันเยี่ยมยอดบรรพต
จึงเข้าที่ชำระสระสรง
ทรงเครื่องประดับองค์อลงกต
แล้วเสด็จขึ้นยังบัลลังก์รถ
ให้เคลื่อนทศโยธาคลาไคล
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
     เดินพลางทางชมรุกขชาติ
เดียรดาษดวงดอกออกไสว
หอมประทิ่นเหมือนกลิ่นทรามวัย
ภูวไนยถวิลหาปรารภ
สกุณาพาคู่เคียงบิน
เหมือนเคียงพักตร์ทักษิณที่พระศพ
โนรีเรียงหน้าบนค่าคบ
เหมือนพี่แสร้งแกล้งกระทบอังสานาง
นกขมิ้นบินโผเข้าพงพี
เหมือนเจ้าเดินหนีพี่ไปให้ห่าง*
สีชมพูเหมือนสีสไบบาง
ที่เปลี่ยนมากลางทางแทนองค์
นางนวลเล่นน้ำอยู่ในหนอง
เหมือนนวลน้องเมื่อสนานในสระสรง*
ชมพลางทางระทดกำสรดทรง
ให้รีบรัดจตุรงค์จรลี
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
     ร่าย

     แต่แรมรอนนอนป่าสิบห้าวัน*
ลุถึงกุเรปันกรุงศรี
ให้หยุดรถคชพลพาชี
ภูมีเสด็จไปเข้าในวัง
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
     ครั้นถึงปราสาทพระบิดา
ฝูงกำนัลกัลยาพร้อมพรั่ง
พระหยุดแฝงทวารบานบัง
ยับยั้งดูทีกิริยา
เห็นพระบิตุเรศมารดร
สโมสรสรวลสันต์หรรษา
จึงเข้าไปในปราสาทรจนา
วันทาพระชนกชนนี
ฯ ๔ คำ ฯ
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top