Latest News

Saturday, December 22, 2012

อิเหนา : ระตูบุศสิหนายกทัพตามประสันตา (๓๙)



ระตูบุศสิหนายกทัพตามประสันตา


     เมื่อนั้น
ระตูบุศสิหนาเป็นใหญ่
เร่งรัดจัดพหลพลไกร
นายไพร่พร้อมถ้วนกระบวนทัพ ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     จึงเข้าที่ชำระสระสนาน
สุคนธารกลิ่นกลบอบอุหรับ
พระฉายตั้งเตียงทองรองรับ
สอดใส่สนับเพลาพลัน
ภูษายกแย่งครุฑภุชงค์
จัดกลีบจีบประจงทรงกระสัน
ฉลององค์ทรงใส่เกราะสุวรรณ
สำหรับกันศาตราอาวุธ*
ห้อยหน้าเจียระบาดคาดทับ
ปั้นเหน่งสายบานพับประดับบุษย์
ใส่สังวาลย์รณรงค์ยงยุทธ์
ทองกรชมพูนุทรจนา
สอดทรงธำมรงค์เรือนสุบรรณ
มงกุฎกรรเจียกจรซ้ายขวา
เหน็บกริชฤทธิไกรไคลคลา
เสด็จมาห้องสุวรรณเทวี ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
 
     ร่าย

     ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์รัตน์
จึ่งตรัสแก่ประไหมสุหรี
เมื่อกี้โจรป่าพนาลี
เข้ามาที่นี่สี่ห้าคน
พวกเราขับไล่ก็ไม่ฟัง
โอหังจองหองพองขน
พาลวิวาทวัดเหวี่ยงเถียงลน
องอาจอวดตนเป็นพ้นรู้
แล้วสังหารผลาญพลเราล้มตาย
เป็นน่าแค้นน่าอายอดสู
พี่จะยกทัพขันธ์ไปพันตู
ขวัญข้าวค่อยอยู่อย่าอาวรณ์ ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
นวลนางดรสาสายสมร
กราบบาทบังคมประนมกร
ภูธรอย่าได้เสด็จไป
พระก็เป็นเอกองค์พงศ์กษัตริย์
ดำรงราชสมบัติบุรีใหญ่
ไม่ควรคู่สู้รบกับโจรไพร
ถึงมาตรแม้นมีชัยก็ไม่งาม
ถ้าฉวยเพลี่ยงพล้ำสิซ้ำร้าย
จะเสียยศอดอายกลางสนาม
ให้แก่คนชำนาญการสงคราม
ยกทัพติดตามไปต่อตี ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระตูบุศสิหนาเรืองศรี
ฟังนางพลางตอบพาที
ว่าไยอย่างนี้กัลยา
ธรรมดาว่าพวกโจรไพร
ย่อมเรืองฤทธิไกรแกล้วกล้า
เคยรณรงค์รบราญชำนาญมา
ทั่วทุกพาราก็เลื่องลือ
จะให้แต่โยธาทั้งนั้น
ไปต้านต่อกับมันจะได้หรือ
พี่จะใคร่ไปสู้ดูฝีมือ
จะมาถือยศศักดิ์ด้วยอันใด
เจ้าอย่าโศกาปรารมภ์
ทุกข์ร้อนเกรียมตรมหม่นไหม้
สั่งเสร็จเสด็จจากห้องใน
ออกไปที่ประชุมโยธา ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     จึงเหยียบโกลนโจนขึ้นม้าที่นั่ง
ด้วยกำลังแค้นขัดสหัสา
โบกพระหัตถ์ตรัสสั่งเสนา
ให้เร่งยกโยธาคลาไคล ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
     เลียบเดินตามเนินแนวกุหนุง
พอตกทุ่งแลเห็นทัพใหญ่
ธงเทียวเขียวแดงดาษไป
เสียงฆ้องกลองชัยนี่นันต์
ระตูเดือดดาลทะยานจิต
ประกาศิตสั่งนิกรกองขันธ์
เร่งโจมตีเข้าไปอย่าไว้มัน
ไล่พิฆาตฟาดฟันให้มรณา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
นายทัพรับสั่งใส่เกศา
ต่างคนต่างขับโยธา
ทั้งกองหนุนกองหน้าดาประดัง
เร่งพลพาชีตีกระหนาบ
ตัวนายชักดาบออกไล่หลัง
ทนายปืนยิงปืนตึงดัง
เสียงดังครื้นครั่นสนั่นดง ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
     บัดนั้น
จึงมหาเสนาตำมะหงง
แกว่งกระบี่ตีต้อนจัตุรงค์
อาจองออกไล่ทะลวงฟัน
ที่เหล่านั่งหลุมซุ่มคอยรับ
ก็ปล่อยตับเสียงปืนครื้นครั่น
พวกอาสาม้าแซงสามพัน
รำทวนสวนควันเข้าโถมแทง
บ้างลุยไล่สะพัดซัดหอกคู่
เกาทัณฑ์ธนูน้าวแผลง
พลระตูตายกลาดกลางแปลง
เลือดแดงเป็นสาดดาษดา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     ประสันตาดีใจเห็นได้ที
ถือกระบี่รี่รำออกนำหน้า
บ่าวไพร่ไม่คิดแก่ชีวา
ต่างเข้าเข่นฆ่าปัจจามิตร
พวกพลแตกกระจายพ่ายพัง
จนกระทั่งทัพระตูไม่ต้านติด
ประสันตาท้าทายทำอวดฤทธิ์
รำกริชเยาะเย้ยไปมา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ กลองมลายู
     เมื่อนั้น
ระตูผู้ผ่านบุศสิหนา
เห็นโจรไพรไล่พลโยธา
แตกกระจายพ่ายมาจนหน้าทัพ
โกรธนักชักกระบี่ออกตีต้อน
ไล่พลนิกรสะท้อนกลับ
กองหลวงกองหลังคั่งคับ
ไม่หลีกหลบรบรับต้านทาน
บ้างพุ่งผัดศาตราอาวุธ*
อุตลุดสับสนอลหม่าน
หักโหมโรมรันประจัญบาน
ตีประดาหน้ากระดานเข้าไป ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ปันหยีองอาจไม่หวาดไหว
เห็นระตูต้อนพลสกลไกร
รุกไล่ติดพันประสันตา*
พระไล่พลพาชีกองหลวง
โถมทะลวงควงขับเข้ารับหน้า
บ้างรำทวนสวนแทงบนหลังม้า
ชักอาชาหมายมุ่งพุ่งหอกซัด
พลดาบดึงดันเข้าฟันฟาด
สามารถรับรองป้องปัด
ทนายปืนยืนยิงคนละนัด*
แล้วหยุดยัดยิงสาดซ้ำไป ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
     เมื่อนั้น
ระตูบุศสิหนาเป็นใหญ่
เห็นโยธีรี้พลสกลไกร
ชิงชัยไพรีไม่พ่ายพัง*
พระยิ่งกริ้วโกรธโกรธา
กะระตะอาชาม้าที่นั่ง
ฝ่าพลขึ้นไปมิได้ยั้ง
ด้วยโมโหโอหังไม่รั้งรอ
แลเห็นปันหยีขี่อาชา
โสภาพริ้งเพราดังเหลาหล่อ
น่าจะมีพงศ์เผ่าเหล่ากอ
เนื้อหน่อกษัตริย์ขัตติยา*
ท่วงทีที่ทำก็ประหลาด
เห็นมิใช่เชื้อชาติชาวป่า
คิดพลางทางมีวาจา
ดูราปันจุเหร็จฤทธิรณ
เป็นไฉนหยาบช้าสามานย์
ชวนกันทำการอกุศล
ตั้งกองซ่องสุมผู้คน
จะเที่ยวปล้นพาราหรือว่าไร
รูปทรงส่งศรีกิริยา
จะสมเป็นชาวป่าก็หาไม่
บ่าวท่านอาจองทะนงใจ
เข้าไปถึงหน้าพลับพลา
ไล่ผลาญรี้พลเราล้มตาย
แล้วหยาบช้าท้าทายเป็นหนักหนา
หมิ่นเราเผ่าพงศ์กษัตรา
เร่งส่งมันมาแต่โดยดี ฯ
ฯ ๑๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี
ฟังระตูบุศสิหนาพาที
ยิ้มพลางทางมีพจมาน
เราเป็นชาติชาวป่าพนาลัย
เที่ยวอยู่ตามวิสัยในไพรสาณฑ์
มิได้เคยหักโหมโรมราญ
ตีบ้านเมืองใครแต่ไรมา
ซึ่งบ่าวเราทำละเมิดเกิดวิวาท
รุกราชอาจหาญเหมือนท่านว่า
จะให้ส่งตัวนั้นสุดปัญญา
ด้วยไม่รู้จักหน้าว่าผู้ใด
พวกพ้องของท่านที่ล้อมวง
แต่จะจับชาวดงก็ไม่ได้
ดูเหมือนไม่มีมือหรือว่าไร
นั่งให้เขาฆ่าขายหน้านาย
ถ้ารู้ไปถึงไหนก็ไม่งาม
ชอบแต่คิดผิดความเสียให้หาย
นี่อะไรไม่หนำยังซ้ำร้าย
เอาโยธามาตายเสียก่ายกอง
ซึ่งเราช่วยว่าเพราะการุญ
อย่าโมโหหันหุนขุ่นข้อง
จงยกทัพกลับไปดังใจปอง
ครอบครองพาราให้สำราญ ฯ
ฯ ๑๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระตูบุศสิหนากล้าหาญ
ฟังปันหยีตอบพจมาน
ว่าขานแนมเหน็บยิ่งเจ็บใจ
จึงร้องว่าเหวยปันจุเหร็จ
เข้ากับบ่าวกล่าวเท็จแก้ไข
มิส่งตัวมันมาก็แล้วไป
ดีแล้วจะได้เห็นกัน
ว่าพลางทางขับอาชา*
รำท่าเพลงทวนหวนหัน
เข้าไล่โรมรุกบุกบัน
หมายมั่นจะฆ่าชีวาลัย ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top