ท้าวดาหาตัดตุนาหงัน
|
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระองค์ทรงพิภพดาหา
|
ทราบสารเคืองแค้นแน่นอุรา
|
จึงตรัสแก่กัลยาทั้งห้าองค์
|
จะรีรอง้อไปไยเล่า
|
อันลูกเราเขาไม่มีประสงค์
|
พระเชษฐารักศักดิ์สุริย์วงศ์
|
จึงทรงอาลัยไกล่เกลี่ยมา
|
ซึ่งจะคอยท่าหลานตามสารศรี
|
อีกร้อยปีก็ไม่จากเมืองหมันหยา
|
แต่จะเวียนงดงานการวิวาห์
|
จะซ้ำร้ายอายหน้ายิ่งนัก
|
ถ้าแม้นใครมาขอก็จะให้
|
ไม่อาศัยที่ระคนปนศักดิ์
|
ถึงไพร่ประดาษชาติทรลักษณ์
|
จะแต่งให้งามพักตร์พงศ์พันธุ์
|
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนทวี
|
พระภูมีกลุ้มกลัดอัดอั้น
|
เสด็จจากแท่นแก้วแพรวพรรณ
|
จรจรัลเข้าในที่ไสยา
ฯ
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ประไหมสุหรีดาหา
|
ให้คิดแค้นขัดนัดดา
|
สวมกอดบุษบาเข้าร่ำไร
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
|
๏ โอ้ว่าลูกรักของแม่เอ๋ย
|
ไม่เห็นเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ได้
|
สุดแสนเจ็บช้ำระกำใจ
|
เวราสิ่งใดนะลูกรัก
|
เสียทีที่เจ้าเกิดมา
|
ในตระกูลเทวาอันสูงศักดิ์
|
รูปทรงยงยิ่งนรลักษณ์
|
แต่อาภัพอัปลักษณ์กว่าฝูงคน
|
แม่เห็นสมสุริย์วงศ์จึ่งปลงใจ
|
ควรหรือช่างไม่เป็นพักผล
|
จะได้คู่ไพร่ฟ้าประชาชน
|
ไหนจะพ้นอัปยศอดอาย
|
ในแว่นแคว้นแดนชวาจะลือทั่ว
|
จะนินทาว่าชั่วไม่รู้หาย
|
ร่ำพลางทางสลดระทดกาย
|
โฉมฉายกำสรดโศกี
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
|
แบ่งจังหวะด้วยครับ
ReplyDelete