Latest News

Tuesday, November 27, 2012

อิเหนา : อิเหนาทูลลาท้าวหมันหยา (๒๓)



อิเหนาทูลลาท้าวหมันหยา


     ครั้นถึงซึ่งลงจากม้าต้น
ขึ้นบนปราสาททองผ่องใส
บังคมสองประหมันทันใด*
แล้วทูลไปให้แจ้งกิจจา
บัดนี้สมเด็จพระบิดร
มีศุภอักษรให้หา
พระชนนีเจ็บครรภ์หลายวันมา
หลานรักจักลาไปธานี
ถ้าไปไม่ทันพระบรรหาร
เนิ่นนานก็จะเคืองบทศรี
แม้องค์พระชนกชนนี
มีความสวัสดีจะกลับมา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระตูผู้ผ่านหมันหยา
ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา
ฟังพระหลานลาก็อาลัย
คิดจะใคร่ทานทัดตรัสห้าม
ก็เกรงความนินทาไม่ว่าได้
สององค์จึ่งอำนวยอวยชัย*
เจ้าจงไปเป็นสุขทุกเวลา
น้านี้อยู่หลังทั้งสอง
จะทุกข์ทนหม่นหมองละห้อยหา
เช้าเย็นเคยเห็นพระนัดดา
ทีนี้น้าจะเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ ฯ*
ฯ ๖ คำ ฯ
 
     จึ่งมีพจนาบัญชาสั่ง*
ดะหมังเสนาอัชฌาสัย
จงจัดของขวัญทั้งนั้นไซร้
ตามในสุริย์วงศ์เทวัญ
ทั้งพี่เลี้ยงนางนมสมศักดิ์
อุดมด้วยนรลักษณ์เลือกสรร
ชายหญิงสิ่งละร้อยครบครัน
ฝากไปทำขวัญพระนัดดา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
ดะหมังรับสั่งใส่เกศา
มาจัดของขวัญดังบัญชา
แล้วมอบให้เสนากุเรปัน ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
     เมื่อนั้น
องค์ประไหมสุหรีเฉิดฉัน
พิศพักตร์พระนัดดาลาวัณย์
เห็นโศกศัลย์สร้อยเศร้าก็เข้าใจ
จึ่งตรัสเรียกราชบุตรี*
เข้ามานั่งถึงนี่ให้ใกล้
อิเหนาเขาจะลาคลาไคล
เจ้าจงบังคมไหว้พี่ยา ฯ*
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา
ได้ฟังชนนีตรัสมา
ให้ขวยเขินวิญญาณ์อารมณ์
ต่อบิตุเรศเตือนจึ่งเคลื่อนคลาย*
ระวังชายทรงสะพักชักห่ม
ครั้นถึงหน้าที่นั่งก็บังคม
กราบก้มพักตราไม่พาที ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีเรืองศรี
คำนับรับไหว้นางเทวี
ภูมีดูนางไม่วางตา
ความรักหนักอุราด้วยอาลัย
จะจำไกลพุ่มพวงดวงยิหวา
องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา
เหมือนจะบอกกัลยาให้รู้ที ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวศรี
ต่างดูระเด่นมนตรี
แล้วพาทีซุบซิบสะกิดกัน
พระจริตเห็นผิดกิริยา
พักตราเศร้าสร้อยโศกศัลย์
น่าจะทุกข์ทรมานรำคาญครัน
สงสารทรงธรรม์เป็นพ้นไป*
เมื่อกี้ดูเหมือนจะเยื้อนสั่ง
ใครใครเห็นมั่งหรือหาไม่
ชลเนตรคลอเนตรแล้วถอนใจ
เห็นอาลัยในองค์พระธิดา
บ้างว่าน่ารักพระโฉมตรู
จะใคร่ให้เสด็จอยู่หมันหยา
ถ้าได้กับพระบุตรีศรีโสภา
ดังจินดาประดับรับเรือนทอง
ลางนางบ้างว่าข้าชอบใจ
ทั้งในธรณีไม่มีสอง*
ต่างคิดพิสมัยใจปอง
หม่นหมองไปทุกหน้านางกำนัล ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พระสุริย์วงศ์เทวากระยาหงัน*
อาลัยมิใคร่จะจรจรัล
จึ่งทูลสองประหมันทันที
แต่ตัวนี้หากจะจากไป
จำใจไกลเบื้องบทศรี
แม้นมิกังวลด้วยชนนี
หลานนี้ก็ยังไม่จากจร
ทูลพลางทางถวายบังคมลา
แล้วแลดูพระธิดาดวงสมร
ทำทีเหมือนจะสั่งบังอร
ภูธรถอนใจอาลัยลา
มาทรงพาชีฉับพลัน
หวั่นหวั่นถวิลถึงจินตะหรา
จึ่งขับมโนมัยไคลคลา
ตรงมาที่อยู่ภูวไนย ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
     ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง
ขึ้นยังตำหนักที่อาศัย
จึ่งสั่งพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ
จงไปจัดพหลมนตรี
แต่ในย่ำรุ่งให้เสร็จสรรพ
พรุ่งนี้จะกลับไปกรุงศรี
สั่งพลางย่างเยื้องจรลี
เข้าไปในที่ไสยา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
     พระบรรทมรำพึงถึงความรัก
ไม่ประจักษ์แจ้งจิตขนิษฐา
จะจำใจกลับไปพารา
อนิจจาจะทำประการใด
อันความทุกข์สุดทุกข์แสนทวี
เจ้าจะเห็นอกพี่บ้างหรือไม่
คิดจะใคร่แจ้งความแก่ทรามวัย
จึ่งสั่งให้หาดอกลำเจียกมา ฯ*
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
วิเยนกิดาหยันหรรษา
รับสั่งแล้วบังคมลา
ออกมายังสวนมาลี
เก็บได้ดอกปะหนันมิทันนาน
ใส่พานเข้าไปในที่
ประนมก้มเกล้าดุษฎี
แล้วถวายมาลีภูวไนย ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย
จึ่งหยิบมาลามาทันใด
ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรอง
เอานขาจารึกกลีบปะหนัน
ผูกพันเพลงยาวเคล่าคล่อง
แจ้งความตามซึ่งคะนึงน้อง
เป็นทำนองครวญคร่ำรำพัน
แล้วเอาซ่าโบะห่อดอกไม้
ส่งให้วิเยนกิดาหยัน
ธำมรงค์สองวงนอกนั้น
ให้พี่เลี้ยงสาวสวรรค์กัลยา
จงรับแหวนไว้พลางพลาง
เป็นค่าจ้างวานถวายบุหงา
อันซ่าโบะของเราเอามา
ขอเปลี่ยนผ้าสไบพระบุตรี ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     บัดนั้น
วิเยนรับสั่งใส่เกศี
ถวายบังคมอัญชลี
ออกจากที่ไสยาแล้วคลาไคล ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
     มาถึงทิมริมโรงขอเฝ้า
ก็แวะเข้านั่งหยุดอาศัย
พอเห็นนางค่อมมาแต่ไกล
เดินเคียงเข้าใกล้แล้พาที*
จะเข้าไปในวังข้าสั่งด้วย
เอ็นดูช่วยบอกพี่เลี้ยงสองศรี
บาหยันซ่าเหง็ดชนนี
ว่าลูกนี้จะลาไปเวียงชัย ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
นางค่อมงวยงงไม่สงสัย
รับคำรีบลาคลาไคล
เข้าในห้องฉนวนด่วนมา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ ฉุยฉาย
     จึ่งบอกสองพี่เลี้ยงนารี
บัดนี้เจ้าบ่าวน้อยมาคอยหา
ให้บอกสองท่านผู้มารดา
มีธุระจะลาไปธานี ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
พระพี่เลี้ยงจึงว่าแก่ทาสี
หลากใจใครหนอช่างพาที
ล้อเล่นเช่นนี้น่าน้อยใจ
ร้ายดีจะไปดูให้รู้จัก
ลูกรักของข้ามาแต่ไหน
จึงพาดุหวาค่อมคลาไคล
ออกไปยังนอกทวารา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
     บัดนั้น
วิเยนเห็นสองนางก็มาหา
นั่งไหว้แล้วแถลงแจ้งกิจจา
โดยดังบัญชาพระองค์ทรงธรรม์
แหวนนี้ประทานมารดร
จงช่วยธุระร้อนผ่อนผัน
ถึงใจให้พลางเป็นรางวัล
วานถวายดอกปะหนันนงเยาว์
อันซ่าโบะรอยทรงจงพระทัย
จะขอเปลี่ยนสไบโฉมเฉลา
แจ้งความตามสั่งสิ้นสำเนา
แล้วเอาธำมรงค์ส่งให้นาง ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     บัดนั้น
พี่เลี้ยงทั้งสองไม่หมองหมาง
ยิ้มอยู่ในหน้าแล้วว่าพลาง
ชิช่างฉลาดหลอกให้ออกมา
จึ่งรับเอาแหวนทั้งสองวง
กับผ้าทรงที่ห่อบุหงา
จะถวายให้ตามพระบัญชา*
ว่าแล้วก็พากันกลับไป ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
     ครั้นถึงจึ่งเข้าไปในห้อง*
ทั้งสองพิศวงสงสัย
จึ่งคลี่ห่อปะหนันออกทันใด*
เห็นอักษรเขียนใส่กลีบมาลา
ถ้อยคำร่ำว่าโอดครวญ
น้ำนวลน่ารักเป็นหนักหนา
แต่เฝ้าอ่านสารซ้ำไปมา
สรวลสันต์หรรษาพาที ฯ
ฯ ๔ คำ
     เมื่อนั้น
ระเด่นจินตะหรามารศรี
ได้ยินเสียงสรวลระริกซิกซี้
จึ่งจรลีมาดูด้วยพลัน
เห็นสองพี่เลี้ยงกัลยา
พิศดูบุหงาแล้วสรวลสันต์
เมื่อกี้พี่ว่าอะไรกัน*
บุหงาปะหนันนั้นของใคร ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
ทั้งสองกัลยาอัชฌาสัย
ดูตากันยิ้มพริ้มไป*
แล้วทูลอรไทพระธิดา
ข้าไปสตาหมันวันนี้*
เคราะห์ดีได้บุหงาในห่อผ้า*
นึกเดาเจ้าของลองปัญญา
ไม่รู้ว่าจะเป็นของใคร ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
จินตะหราพาซื่อไม่สงสัย
หยิบบุหงามาดูทันใด
อรไทเห็นสารก็อ่านพลัน ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     ในลักษณ์อักษรเสน่หา
ของพี่ยาจารึกกลีบปะหนัน
มาแจ้งความทรามวัยวิไลวรรณ
ด้วยผูกพันพิศวาสไม่คลาดคลาย
แต่ทุกข์ตรอมจนผอมผิดร่าง
เจ้าไม่เห็นบ้างหรือโฉมฉาย
ถึงจะม้วยชีวันอันตราย
ก็ไม่หมายว่าจะคืนพารา
นี่เนื้อชะรอยกรรมได้ทำไว้
จะจำไกลพุ่มพวงดวงยิหวา
มิรู้ที่จะแข็งขัดพระบัญชา
จะขอลาโฉมยงอยู่จงดี
ซ่าโบะจะขอเปลี่ยนสไบนาง
ไปชมพลางต่างพักตร์ยาหยี
กับทั้งชานสลาจงปรานี
เหมือนช่วยชูชีวีของพี่ไว้*
ถึงกลับไปก็ไม่อยู่ช้า
จะคืนมาชมชิดพิสมัย
จงเป็นมิตรไมตรีแต่นี้ไป*
ดังได้ตุนาหงันกันมา ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
     ร่าย

     ครั้นอ่านเสร็จสิ้นอักษร
ชอบพระทัยในกลอนที่วอนว่า
แต่เล่ห์กลสตรีมีมารยา
ทำโกรธาทิ้งประหนันเสียทันใด
จึ่งว่าชอบขอบใจพี่เจ้า
ช่างเอาบุหงาใครมาให้
แย้มเยื้อนเหมือนหนึ่งไม่เข้าใจ
ยิ้มละไมในหน้าพาที
จะมาเสใส่ข้าว่าไรเล่า*
พิสมัยก็เอาเป็นผัวพี่
ผู้ใหญ่อะไรอย่างนี้
ไม่มีความคิดสักนิดเดียว
ช่างเชื่อลิ้นหลงเล่ห์ลมชาย
หวานนักมักกลายเป็นเปรี้ยว
อย่าพักพูดบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเลี้ยว
ล่อลวงหน่วงเหนี่ยวเกี่ยวพัน
ไม่เจียมตนจะไปปนที่สูงศักดิ์
เห็นเกินหน้าน้องนักพี่บาหยัน
ดังกระต่ายหมายชมดวงจันทร์
อะไรนั่นพาทีไม่มีอาย ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
     บัดนั้น
สองพี่เลี้ยงเล้าโลมโฉมฉาย
ใช่จะแกล้งแสร้งเสเพทุบาย
คิดหมายว่ามิใช่หาไหนมา
ก็นับในสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์
จะกระไรกว่ากันนักหนา
สมศักดิ์สมสกุลทั้งสองรา
นี่พี่หากว่าประสากัน
ถึงมาตรไม่จงจิตคิดปอง
แต่อย่าข้องเคืองเคียดเดียดฉันท์
สงสารพระองค์วงศ์เทวัญ
โศกศัลย์วอนว่าน่าปรานี
ในสารว่าจะขอเปลี่ยนสไบ
จะบิดเบือนมิให้ก็ใช่ที่
โฉมยงทรงคิดดูจงดี
พระภูมีจะละห้อยน้อยใจ ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
จินตะหราวาตีศรีใส
ฟังพี่เลี้ยงสนองต้องฤทัย
ให้อาลัยในองค์พระทรงธรรม์
แต่ปากนางหากทำเป็นว่า
สมเพชเวทนาพี่บาหยัน
ช่างลุ่มหลงงงงวยไปด้วยกัน
สารพันล้วนเห็นว่าเป็นดี
อย่ามาเฝ้าเซ้าซี้ให้ขัดใจ
จะอย่างไรก็ตามความคิดพี่
ว่าพลางย่างเยื้องจรลี
เข้าไปในที่ไสยา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     บัดนั้น
สองศรีพี่เลี้ยงเสนหา
แจ้งใจในทีพระธิดา
ก็ตามมายังที่บรรทม
ครั้นถึงจึ่งประณตบทมาลย์
นบนอบหมอบคลานกรานก้ม
บาหยันทำสนิทชิดชม
บังคมแล้วทูลไปทันใด
โฉมยงจงทรงพระเมตตา
วันนี้ข้าหนาวเย็นเหมือนเป็นไข้
จะขอผ้ารอยทรงองค์อรทัย
แม้นโปรดได้ให้ห่มจะค่อยคลาย
ว่าพลางทางทำเฉยหน้า
หยิบยกพานผ้ามาถวาย
แต่เฝ้าเตือนเยื้อนยิ้มพริ้มพราย*    
จงเปลี่ยนเปลื้องจากกายกัลยา ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา
เสแสร้งแกล้งกล่าววาจา
รำคาญวานอย่าให้ขัดใจ
น้องหรือจะรู้เท่าทัน
เชิงชั้นแยบยลคนผู้ใหญ่*
นางค้อนเคืองเปลื้องเปลี่ยนผ้าสไบ
ทำทิ้งประชดให้ด้วยมารยา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
พระพี่เลี้ยงบาหยันหรรษา
หยิบสไบรอยทรงนั้นมา
พัดพาดอังสาแล้วพาที
ครั้งนี้เห็นแท้แน่ตระหนัก
ว่าโฉมยงนงลักษณ์รักพี่
ว่าพลางทางทำยินดี*
อัญชลีแลดูตากัน ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top