|
.
|
.
|
.
|
|
อันคลื่นใหญ่ในมหาชลาสินธุ์
|
|
เข้าฝั่งสิ้นสาดเข้าไปที่ในฝั่ง
|
เสียงกลองดังฟังดูเพียงหูฟัง
|
|
ปากคนดังอึงจริงยิ่งกว่ากลอง
|
ถ้าทำดีก็จะดีเป็นศรีศักดิ์
|
|
ถ้าทำชั่วชั่วจักตามสนอง
|
ความชั่วเราลี้ลับอย่ากลับตรอง
|
|
นอนแล้วมองดูผิดในกิจการ
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
อันความเรื่องเดียวกันสำคัญกล่าว
|
|
พูดไม่ดีแล้วก็เปล่าไม่แข็งเข้ม
|
ข้าวต้มร้อนอย่ากระโจมค่อยโลมเล็ม
|
|
วิสัยเข็มเล่มน้อยร้อยช้าช้า
|
ถึงโปร่งปรุในอุบายเป็นชายชาติ
|
|
แม้หลงมาตุคามขาดศาสนา
|
อันความหลงแม้ไต่ปลงสังขารา
|
|
แต่ทว่ารู้บ้างค่อยบางเบา
|
อย่าโอกโขยกอยู่ในโลกสันนิวาส
|
|
แต่นักปราชญ์ยังรู้พึ่งผู้เขลา
|
เหมือนเรือช่วงพ่วงลำในสำเภา
|
|
เรือใหญ่เข้าไม่ได้ใช้เรือเล็ก
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
หลงโลภลาภบาปก็รู้อยู่ว่าบาป
|
|
กิเลสหยาบยังไม่สุขย่อมทุกขัง
|
ตัณหาหากชักนำให้กำบัง
|
|
เอาธรรมตั้งข่มกดให้ปลดร้อน
|
คนศรัทธาว่าง่ายสบายจิต
|
|
ไม่เบือนบิดเร่งทำตามคำสอน
|
คนที่ไม่ศรัทธาอุราคลอน
|
|
โง่แล้วงอนถึงไม่ฟังก็ยังดึง
|
หาเงินติดไถ้ไว้อย่าให้ขาด
|
|
ตำลึงบาทหาไม่คล่องเพียงสองสลึง
|
ชาติตะปูชาติแข็งต้องแทงตรึง
|
|
ชาติขี้ผึ้งชาติอ่อนร้อนละลาย
|
ของสิ่งใดสงสัยให้พิสูจน์
|
|
ไม่แกล้งพูดธาตุทั้งสี่ดีใจหาย
|
ดูดินน้ำลมไฟให้แยบคาย
|
|
ไล่ระบายเท็จก็แปรแท้ไม่จร
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
คุณกับโทษสองแบ่งแรงข้างไหน
|
|
คุณถึงใหญ่ให้ผลคนไม่เห็น
|
โทษสักเท่าหัวเหาเล็กเท่าเล็น
|
|
ให้ผลเห็นแผ่ซ่านทั่วบ้านเมือง
|
น้ำใจเอยเห็นกรรมไม่ทำชั่ว
|
|
บวชตั้งตัวตั้งใจบวชได้เรื่อง
|
บวชหลบราชการหนักบวชยักเยื้อง
|
|
บวชหาเฟื้องหาไพบวชไม่ตรง
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
สัตว์ผอมฤษีพีนี้สองสิ่ง
|
|
สามผู้หญิงรูปดีไม่มีถัน
|
กับคนจนแต่งอินทรีย์นี้อีกอัน
|
|
สี่ด้วยกันดูเป็นเห็นไม่งาม
|
บรรพชาสามปางนางสามผัว
|
|
ข้าเก่าชั่วเมียชังเขายังห้าม
|
มักเกิดเงี่ยงเกี่ยงแง่แส่หาความ
|
|
กาลีลามหยาบช้าอุลามก
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
ถือตำรามากนักขี้มักกรอบ
|
|
มิเสียชอบขัดสนจนจอนจ่อ
|
ออกชื่อบาปครางฮือทำมืองอ
|
|
ไม่นึกฉ้อส่อเสียดเบียดเบียนใคร
|
จิตดำรงคงธรรมไม่พล้ำเพลี่ยง
|
|
สู้หลีกเลี่ยงตามภาษาอัชฌาสัย
|
ถึงบอกลาภบาปแล้วไม่พอใจ
|
|
มีหาไม่อุตส่าห์รักษากาย
|
พระพุทธองค์ก็ทรงชมว่าสมปราชญ์
|
|
บัณฑิตชาติเมธาปัญญาหลาย
|
สู่คติเบื้องหน้าถ้าเขาตาย
|
|
ทางอบายห่างไกลไม่ไปเลย
|
กระแสพุทธฎีกาว่ากระนี้
|
|
เดี๋ยวนี้นี่ไม่กระนั้นนะท่านเอ๋ย
|
ถ้ายากจนแล้วก็คนมักยิ้มเย้ย
|
|
ภิปรายเปรยเปรียบเทียบพูดเสียบแทง
|
ว่าชะชะนักปราชญ์ชาติสถุล
|
|
วิบากบุญให้ผลจนต่องแต่ง
|
สวรรค์นรกที่ไหนไม่แจ้งแจง
|
|
อยู่เขตแขวงธานีบุรีใด
|
อย่าคบมิตรจิตพาลสันดานชั่ว
|
|
จะพาตัวให้เสื่อมที่เลื่อมใส
|
คบนักปราชญ์นั่นแหละดีมีกำไร
|
|
ท่านย่อมให้ความสบายหลายประตู
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
ชั่วแต่กายวาจาย่อมปรากฏ
|
|
คนทั้งหมดแม่นแท้เขาแลเห็น
|
ชั่วในใจบังปิดไว้มิดเม้น
|
|
สิบห้าเล่มเกวียนเข็นไม่หมดมวล
|
คดสิ่งอื่นหมื่นแสนแม้นกำหนด
|
|
โกฏล้านคดซ้อนซับพอนับถ้วน
|
คดของคนล้นล้ำคดน้ำนวล
|
|
เหลือกระบวนที่จะจับนับคดค้อม
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
จะผ่าไม้ให้พินิจพิศดูท่า
|
|
ให้เห็นว่าแสกไหนเหมาะจึงเจาะขวาน
|
จะเข้าหาคนผู้ดูอาการ
|
|
ถือโบราณถูกเดาจึงเอาคำ
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
คนแก่มีสี่ประการโบราณว่า
|
|
แก่ธรรมาพิสมัยใจแห้งเหี่ยว
|
แก่ยศแก่วาสนาปัญญาเปรียว
|
|
แต่แก่แดดอย่างเดียวแก่เกเร
|
ความรู้ท่วมหัวตัวไม่รอด
|
|
เป็นคำสอดของคนเกเรเกเส
|
เรียนวิชาไม่แม่นยำคะน้ำคะเน
|
|
ไปเที่ยวเตร่ประกอบชั่วตัวจึงจน
|
ทะเลน้อยเท่ารอยโคโผไม่ได้
|
|
โดยว่าใจยังกำหนัดขัดมรรคผล
|
หญิงขมิ้นชายปูนประมูลปน
|
|
ไหนจะพ้นทะเลแดงตำแหน่งเนื้อ
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
อีกข้อหนึ่งเมืองเราชาวมนุษย์
|
|
ย่อมว่าพุทธกับไสยตั้งใจว่า
|
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไปมา
|
|
ทั้งเจรจารำคาญหูดูไม่งาม
|
พุทธแปลว่าพระเจ้าท่านกล่าวแก้
|
|
ไสยนั้นแปลว่าผีนี้ได้ถาม
|
ผิดหรือถูกไม่ตรึกตราเจรจาตาม
|
|
มีเนื้อความในคัมภีร์บาลีใด
|
ถ้าพุทธองค์ไปอาศัยผี
|
|
ผีไปพึ่งบารมีที่ตรงไหน
|
ถ้อยทีถ้อยพึ่งกันนั้นอย่างไร
|
|
ครั้นว่าไล่เข้าก็ซัดลัทธิแรง
|
เป็นวาจากรรมเปล่าไม่เข้าข้อ
|
|
รู้แล้วก็นิ่งไว้อย่าได้แถลง
|
แม้พลั้งปากเสียศีลพลาดตีนแพลง
|
|
มักระแวงข้างเป็นโทษประโยชน์น้อย
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
จะคบมิตรสนิทนักมักเป็นโทษ
|
|
เกิดขึ้งโกรธต่างต่างเพราะวางจิต
|
ทันระวังตัวที่ไหนไม่ทันคิด
|
|
เหตุสักนิดแล้วก็ได้ขัดใจกัน
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
ผมยาวยุ่งทิ้งไว้ไม่สางหวี
|
|
สิ้นที่พึ่งแล้วจึงมีคนข่มเหง
|
อาวุธปากกล่าวดีมีคนเกรง
|
|
ยิงให้เป้งเดียวถูกทุกทุกคำ
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
ดูตระกูลกิริยาดูอากัป
|
|
ดูทิศจับเอาที่ผลต้นพฤกษา
|
ดูฉลาดเล่าก็เห็นที่เจรจา
|
|
ดูคงคาก็พึงหมายสายอุบล
|
นกกระจาบเดิมหนักหนามากกว่าแสน
|
|
ไม่เดือดแค้นสามัคคีย่อมมีผล
|
ครั้นภายหลังอวดกำลังต่างถือตน
|
|
พรานก็ขนกระหน่ำมาพากันตาย
|
.
|
|
|
.
|
|
|
.
|
|
|
|
|
|
คืนและวันพลันดับก็ลับล่วง
|
|
ท่านทั้งปวงจงอุตสาห์หากุศล
|
พลันชีวิตคิดถึงรำพึงตน
|
|
อายุคนนั้นไม่ยืนถึงหมื่นปี
|
อันความมรณาถ้วนหน้าสัตว์
|
|
แต่พระตรัสเป็นองค์พระชินศรี
|
แสนประเสริฐเลิศภพจบธาตรี
|
|
ยังจรลีเข้าสู่นิพพานเอย ฯ
|
คนศรัทธาว่าง่ายสบายจิต ไม่เบือนบิดเร่งทำตามตำสอน คนที่ศรัทธาอุราคลอน โง่เเล้วงอนถึงไม่ฟังก็ยังดึง
ReplyDelete