Latest News

Wednesday, November 21, 2012

อิเหนา : อิเหนาหลงนางจินตะหรา (๒๐)



อิเหนาหลงนางจินตะหรา
     ช้า

     ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์
ให้อาวรณ์หวังถวิลถึงจินตะหรา
องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา
มิได้ตรัสจำนรรจาพาที
ลืมเลยเสวยสรงทรงสุคนธ์
แต่พลิกกลับสับสนอยู่บนที่
ไม่เป็นอารมณ์สมประดี
ภูมีกลัดกลุ้มคลุ้มใจ
พระหัตถ์ซ้ายก่ายเขนยคะนึงคิด
เจ็บจิตประชวรเช่นเป็นไข้
แสนกระสันรันทดหฤทัย
พระมิได้วายอาวรณ์ร้อนรน ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     ร่าย

     บัดนั้น
พระพี่เลี้ยงประหลาดจิตคิดฉงน
ดูพระจริตติดพิกล
บรรทมทั้งเครื่องต้นที่ทรงมา
จึงเข้าไปช่วยเปลื้องเครื่องทรง
ให้พระองค์ทรงผลัดภูษา
แล้วกราบทูลไปมิได้ช้า
พระจึงอุตส่าห์สะกดใจ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
 
     เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีศรีใส
จึงตอบทั้งสี่พี่เลี้ยงไป
เมื่อไม่เห็นวิตกในอกเลย
อันความทุกข์เหลือทุกข์ครั้งนี้
จะคิดฉันใดดีนะพี่เอ๋ย
แม้นมิได้สู่สมชมเชย
ที่ไหนเลยน้องจะมีชีวา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
พี่เลี้ยงบังคมเหนือเกศา
จึ่งทูลตอบปลอบให้ชอบอัชฌา
พระอย่ารันทดกำสรดทรง
จงระงับดับโศกเสียก่อน
ภูธรอุตส่าห์เสวยสรง
อันพระธิดาโฉมยง
ไหนจะพ้นพระองค์อย่าสงกา
จะทูลโลมเล้าสักเท่าใด
พระมิได้วายเทวษถวิลหา
พี่เลี้ยงทั้งสี่มีอัชฌา
ซุบซิบปรึกษาพาที ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
     บัดนั้น
ปาเตะเสนาบดีศรี
เวลาเฝ้าก็เข้ามาอัญชลี
เห็นภูมีไสยาสน์ประหลาดใจ
จึงถามยะรุเดะลูกชาย
พระโฉมฉายประชวรหรือไฉน
ช่างไม่บอกสักคำทำอย่างไร
เหตุผลก็มิให้ผู้ใหญ่รู้ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
ยะรุเดะอิดเอื้อนเยื้อนอยู่
หันหน้ามาทางบานประตู
ยิ้มพลางทางดูตากัน ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
ประสันตาแสนกลคนขยัน
ทำเฉยหน้าแล้วว่าไปพลัน
ประชวรมาแต่วันถึงเวียงชัย
พระโรคเรื้อรังประทังอยู่
ไม่สุดรู้มดหมอพอแก้ไข
หรือชะรอยทรงกระบี่วันนี้ไซร้*
จะเป็นไข้เนื้อขาดประหลาดนัก
ดูอาการที่ทำให้คร่ำครวญ
จะประชวรสิ่งใดไม่ประจักษ์
แม้นได้โอสถรสรัก
เห็นไม่พักนวดฟั้นจะพลันคลาย
เจ้าจอมหม่อมลุงได้เมตตา
ช่วยเข้าไปขอยามาถวาย
ที่พระร้อนรนกระวนกระวาย
นั่นแหละเห็นจะหายเป็นมั่นคง ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     บัดนั้น
ปาเตะตกใจตะลึงหลง
จึ่งทูลเล้าโลมพระโฉมยง
พระบิตุรงค์กำชับรับสั่งมา
การพระศพเสร็จสรรพให้กลับไป
ปานนี้ภูวไนยจะคอยหา*
อันพระน้องนุชบุษบา
พระบิตุเรศเจตนาไปกล่าวไว้
ยังแต่จะเสกสองให้ครองกัน
เป็นปิ่นกุเรปันกรุงใหญ่
อันจะเลี้ยงพระน้องสองเวียงชัย
รู้ไปถึงดาหาธานี
เกลือกจะไม่ปลดปลงให้นงลักษณ์
จะเกิดเหตุใหญ่นักพระโฉมศรี
ทั้งจะได้แค้นเคืองแสนทวี
พระภูมีจงถวิลจินดา ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พระสุริย์วงศ์อสัญแดหวา
ไม่ตอบถ้อยคำจำนรรจา
ให้เคืองขัดอัธยาในอารมณ์
พระผินผันหันพักตร์เมินหนี
แล้วหยิบผ้ามาคลี่ทรงห่ม
พลางสะท้อนถอนถ่ายระบายลม
แกล้งทำเหมือนบรรทมหลับไป ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
ปาเตะเสนาอัชฌาสัย
มิรู้ที่จะผ่อนผันฉันใด
ก็ออกไปจากที่แท่นทอง ฯ*
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พระโฉมยงทรงโศกเศร้าหมอง
ยิ่งคิดพิสมัยใจปอง
พระนิ่งนึกตรึกตรองไปมา
อันระเด่นบุษบาตุนาหงัน
ตามวงศ์อสัญแดหวา
แต่มิได้มีใจเจตนา
เหมือนระเด่นจินตะหรายุพาพาล
ชะรอยวาสนาได้สร้างไว้
เผอิญให้จงรักสมัครสมาน
จะว่าไปก็ในวงศ์วาน
เยาวมาลย์ก็มิใช่หาไหนมา
มาตรแม้นสองกษัตริย์จะขัดเคือง
มิให้กูอยู่เมืองหมันหยา
ก็จะพาดวงใจไคลคลา
ไปมะงุมมะงาหราสำราญ
แต่บรรทมนิ่งนึกตรึกไตร
จนอุทัยรุ่งแจ้งแสงฉาน
เสด็จจากแท่นรัตน์ชัชวาล
มาสระสรงชลธารทันใด ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
     ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์
บรรจุทรงเครื่องประทานใหม่
แล้วทรงอาชาคลาไคล
เสนาใสตามเสด็จจรลี ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
     ครั้นถึงลงจากอัสดร
บทจรเข้าในปราสาทศรี
บังคมสองประหมันทันที*
พลางดูเทวีไม่วางตา ฯ*
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระตูผู้ผ่านหมันหยา
ทอดพระเนตรดูอิเหนานัดดา
เห็นพักตราเสร้อยเศร้าก็เข้าใจ
จึ่งบัญชาถามด้วยความรัก
เป็นไรผิวพักตร์จึ่งหม่นไหม้
หรือโรคายายีประการใด
ด่วนเข้ามาไยไม่สบาย ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีเรืองฉาย
ประสานหัตถ์เคารพอภิปราย
วันตีกระบี่ถวายภูวไนย
ให้ตึงตัวไปทั่วสารพางค์
จิตใจเหมือนอย่างจะเป็นไข้
หยุดช้ากลัวว่าจะมากไป
จึ่งแข็งใจเข้ามาอัญชลี
ทูลพลางทางชำเลืองแลมา
ดูระเด่นจินตะหรามารศรี
ความรักสลักทรวงแสนทวี
ภูมีถอนใจไปมา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ประไหมสุหรีเสนหา
พิศดูรู้รหัสพระนัดดา
จึ่งกล่าวรสพจนาพาที
เพียงพระเข้าสู่สวรรคต
ตั้งแต่กำสรดหมองศรี
พร่ำกินน้ำตาทุกนาที
น้านี้เปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ
ได้เห็นหน้านัดดาค่อยผาสุก
พอบรรเทาเบาทุกข์ที่โหยไห้
เจ้าจงอยู่ด้วยน้าอย่าคลาไคล*
สักเดือนหนึ่งจึงไปพารา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
อิเหนากุเรปันก็หรรษา
ชื่นชมด้วยสมดั่งจินดา
รับรสพจนาวาที
พลางเยื้อนแย้มยิ้มพริ้มเพรา
ค่อยบรรเทาทุกข์ที่หมองศรี
แล้วชำเลืองแลดูพระบุตรี
ภูมีปฏิพัทธ์ผูกพัน ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์
ครั้นเวลาสายศรีวีวรรณ
ก็จรจรัลเข้าที่บรรทมใน ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
     เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีศรีใส
เสด็จทรงอาชาคลาไคล
กลับไปประเสปันมิทันช้า ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
     ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง
ขึ้นมายังตำหนักที่ข้างหน้า
เปลื้องเครื่องประดับองค์แล้วตรงมา
เข้าห้องไสยาฉับพลัน ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     พระนิ่งนึกตรึกคิดพิศวง
ตะลึงหลงอาลัยใฝ่ฝัน
ทอดองค์ลงกับที่แท่นสุวรรณ
แสนวิโยคโศกศัลย์รัญจวน
โอ้จะคิดผ่อนผันฉันใด
จึ่งจะได้โฉมงามทรามสงวน
พลางสะท้อนถอนใจใคร่ครวญ
ปั่นป่วนไม่เป็นสมประดี
พระลืมล่วงเวลาสรงเสวย
กรกอดกับเขนยอยู่ในที่*
ความรักหนักทรวงแสนทวี
ภูมีเศร้าสร้อยละห้อยใจ ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top