อิเหนาหลงนางจินตะหรา
|
ช้า
|
|
๏ ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์
|
ให้อาวรณ์หวังถวิลถึงจินตะหรา
|
องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา
|
มิได้ตรัสจำนรรจาพาที
|
ลืมเลยเสวยสรงทรงสุคนธ์
|
แต่พลิกกลับสับสนอยู่บนที่
|
ไม่เป็นอารมณ์สมประดี
|
ภูมีกลัดกลุ้มคลุ้มใจ
|
พระหัตถ์ซ้ายก่ายเขนยคะนึงคิด
|
เจ็บจิตประชวรเช่นเป็นไข้
|
แสนกระสันรันทดหฤทัย
|
พระมิได้วายอาวรณ์ร้อนรน
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
ร่าย
|
|
๏ บัดนั้น
|
พระพี่เลี้ยงประหลาดจิตคิดฉงน
|
ดูพระจริตติดพิกล
|
บรรทมทั้งเครื่องต้นที่ทรงมา
|
จึงเข้าไปช่วยเปลื้องเครื่องทรง
|
ให้พระองค์ทรงผลัดภูษา
|
แล้วกราบทูลไปมิได้ช้า
|
พระจึงอุตส่าห์สะกดใจ
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีศรีใส
|
จึงตอบทั้งสี่พี่เลี้ยงไป
|
เมื่อไม่เห็นวิตกในอกเลย
|
อันความทุกข์เหลือทุกข์ครั้งนี้
|
จะคิดฉันใดดีนะพี่เอ๋ย
|
แม้นมิได้สู่สมชมเชย
|
ที่ไหนเลยน้องจะมีชีวา
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
พี่เลี้ยงบังคมเหนือเกศา
|
จึ่งทูลตอบปลอบให้ชอบอัชฌา
|
พระอย่ารันทดกำสรดทรง
|
จงระงับดับโศกเสียก่อน
|
ภูธรอุตส่าห์เสวยสรง
|
อันพระธิดาโฉมยง
|
ไหนจะพ้นพระองค์อย่าสงกา
|
จะทูลโลมเล้าสักเท่าใด
|
พระมิได้วายเทวษถวิลหา
|
พี่เลี้ยงทั้งสี่มีอัชฌา
|
ซุบซิบปรึกษาพาที
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
|
๏ บัดนั้น
|
ปาเตะเสนาบดีศรี
|
เวลาเฝ้าก็เข้ามาอัญชลี
|
เห็นภูมีไสยาสน์ประหลาดใจ
|
จึงถามยะรุเดะลูกชาย
|
พระโฉมฉายประชวรหรือไฉน
|
ช่างไม่บอกสักคำทำอย่างไร
|
เหตุผลก็มิให้ผู้ใหญ่รู้ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ยะรุเดะอิดเอื้อนเยื้อนอยู่
|
หันหน้ามาทางบานประตู
|
ยิ้มพลางทางดูตากัน
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ประสันตาแสนกลคนขยัน
|
ทำเฉยหน้าแล้วว่าไปพลัน
|
ประชวรมาแต่วันถึงเวียงชัย
|
พระโรคเรื้อรังประทังอยู่
|
ไม่สุดรู้มดหมอพอแก้ไข
|
หรือชะรอยทรงกระบี่วันนี้ไซร้*
|
จะเป็นไข้เนื้อขาดประหลาดนัก
|
ดูอาการที่ทำให้คร่ำครวญ
|
จะประชวรสิ่งใดไม่ประจักษ์
|
แม้นได้โอสถรสรัก
|
เห็นไม่พักนวดฟั้นจะพลันคลาย
|
เจ้าจอมหม่อมลุงได้เมตตา
|
ช่วยเข้าไปขอยามาถวาย
|
ที่พระร้อนรนกระวนกระวาย
|
นั่นแหละเห็นจะหายเป็นมั่นคง
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ปาเตะตกใจตะลึงหลง
|
จึ่งทูลเล้าโลมพระโฉมยง
|
พระบิตุรงค์กำชับรับสั่งมา
|
การพระศพเสร็จสรรพให้กลับไป
|
ปานนี้ภูวไนยจะคอยหา*
|
อันพระน้องนุชบุษบา
|
พระบิตุเรศเจตนาไปกล่าวไว้
|
ยังแต่จะเสกสองให้ครองกัน
|
เป็นปิ่นกุเรปันกรุงใหญ่
|
อันจะเลี้ยงพระน้องสองเวียงชัย
|
รู้ไปถึงดาหาธานี
|
เกลือกจะไม่ปลดปลงให้นงลักษณ์
|
จะเกิดเหตุใหญ่นักพระโฉมศรี
|
ทั้งจะได้แค้นเคืองแสนทวี
|
พระภูมีจงถวิลจินดา
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระสุริย์วงศ์อสัญแดหวา
|
ไม่ตอบถ้อยคำจำนรรจา
|
ให้เคืองขัดอัธยาในอารมณ์
|
พระผินผันหันพักตร์เมินหนี
|
แล้วหยิบผ้ามาคลี่ทรงห่ม
|
พลางสะท้อนถอนถ่ายระบายลม
|
แกล้งทำเหมือนบรรทมหลับไป
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ปาเตะเสนาอัชฌาสัย
|
มิรู้ที่จะผ่อนผันฉันใด
|
ก็ออกไปจากที่แท่นทอง
ฯ*
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระโฉมยงทรงโศกเศร้าหมอง
|
ยิ่งคิดพิสมัยใจปอง
|
พระนิ่งนึกตรึกตรองไปมา
|
อันระเด่นบุษบาตุนาหงัน
|
ตามวงศ์อสัญแดหวา
|
แต่มิได้มีใจเจตนา
|
เหมือนระเด่นจินตะหรายุพาพาล
|
ชะรอยวาสนาได้สร้างไว้
|
เผอิญให้จงรักสมัครสมาน
|
จะว่าไปก็ในวงศ์วาน
|
เยาวมาลย์ก็มิใช่หาไหนมา
|
มาตรแม้นสองกษัตริย์จะขัดเคือง
|
มิให้กูอยู่เมืองหมันหยา
|
ก็จะพาดวงใจไคลคลา
|
ไปมะงุมมะงาหราสำราญ
|
แต่บรรทมนิ่งนึกตรึกไตร
|
จนอุทัยรุ่งแจ้งแสงฉาน
|
เสด็จจากแท่นรัตน์ชัชวาล
|
มาสระสรงชลธารทันใด
ฯ
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ
|
๏ ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์
|
บรรจุทรงเครื่องประทานใหม่
|
แล้วทรงอาชาคลาไคล
|
เสนาใสตามเสด็จจรลี
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
|
๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร
|
บทจรเข้าในปราสาทศรี
|
บังคมสองประหมันทันที*
|
พลางดูเทวีไม่วางตา
ฯ*
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูผู้ผ่านหมันหยา
|
ทอดพระเนตรดูอิเหนานัดดา
|
เห็นพักตราเสร้อยเศร้าก็เข้าใจ
|
จึ่งบัญชาถามด้วยความรัก
|
เป็นไรผิวพักตร์จึ่งหม่นไหม้
|
หรือโรคายายีประการใด
|
ด่วนเข้ามาไยไม่สบาย
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเรืองฉาย
|
ประสานหัตถ์เคารพอภิปราย
|
วันตีกระบี่ถวายภูวไนย
|
ให้ตึงตัวไปทั่วสารพางค์
|
จิตใจเหมือนอย่างจะเป็นไข้
|
หยุดช้ากลัวว่าจะมากไป
|
จึ่งแข็งใจเข้ามาอัญชลี
|
ทูลพลางทางชำเลืองแลมา
|
ดูระเด่นจินตะหรามารศรี
|
ความรักสลักทรวงแสนทวี
|
ภูมีถอนใจไปมา
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ประไหมสุหรีเสนหา
|
พิศดูรู้รหัสพระนัดดา
|
จึ่งกล่าวรสพจนาพาที
|
เพียงพระเข้าสู่สวรรคต
|
ตั้งแต่กำสรดหมองศรี
|
พร่ำกินน้ำตาทุกนาที
|
น้านี้เปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ
|
ได้เห็นหน้านัดดาค่อยผาสุก
|
พอบรรเทาเบาทุกข์ที่โหยไห้
|
เจ้าจงอยู่ด้วยน้าอย่าคลาไคล*
|
สักเดือนหนึ่งจึงไปพารา
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
อิเหนากุเรปันก็หรรษา
|
ชื่นชมด้วยสมดั่งจินดา
|
รับรสพจนาวาที
|
พลางเยื้อนแย้มยิ้มพริ้มเพรา
|
ค่อยบรรเทาทุกข์ที่หมองศรี
|
แล้วชำเลืองแลดูพระบุตรี
|
ภูมีปฏิพัทธ์ผูกพัน
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์
|
ครั้นเวลาสายศรีวีวรรณ
|
ก็จรจรัลเข้าที่บรรทมใน
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีศรีใส
|
เสด็จทรงอาชาคลาไคล
|
กลับไปประเสปันมิทันช้า
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
|
๏ ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง
|
ขึ้นมายังตำหนักที่ข้างหน้า
|
เปลื้องเครื่องประดับองค์แล้วตรงมา
|
เข้าห้องไสยาฉับพลัน
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ พระนิ่งนึกตรึกคิดพิศวง
|
ตะลึงหลงอาลัยใฝ่ฝัน
|
ทอดองค์ลงกับที่แท่นสุวรรณ
|
แสนวิโยคโศกศัลย์รัญจวน
|
โอ้จะคิดผ่อนผันฉันใด
|
จึ่งจะได้โฉมงามทรามสงวน
|
พลางสะท้อนถอนใจใคร่ครวญ
|
ปั่นป่วนไม่เป็นสมประดี
|
พระลืมล่วงเวลาสรงเสวย
|
กรกอดกับเขนยอยู่ในที่*
|
ความรักหนักทรวงแสนทวี
|
ภูมีเศร้าสร้อยละห้อยใจ
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment