ท้าวหมันหยาให้อิเหนารำกระบี่
|
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
ท้าวหมันหยาปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
|
เห็นอิเหนาเข้ามาบังคมคัล
|
จึงปราศรัยไปพลันทันที
|
ได้ยินเขาระบือลือเล่า
|
ว่าเจ้าชำนาญการกระบี่
|
ท่าทางทำนองคล่องดี
|
วันนี้จงรำให้น้าดู
|
แล้วให้เสนากิดาหยัน
|
จัดกันขึ้นตีทีละคู่
|
โล่ดั้งดาบเชลยมลายู
|
จะได้ดูเล่นเป็นขวัญตา
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระโฉมยงองค์อสัญแดหวา
|
คำนับรับราชบัญชา
|
แล้วแลดูจินตะหราวาตี
|
แต่รอรั้งยั้งหยุดอยู่เป็นครู่
|
ให้คิดอดสูนางโฉมศรี
|
ยิ้มละไมในพักตร์เป็นท่วงที
|
ต่อภูมีซ้ำเตือนจึงเคลื่อนคลาย
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ประสันตาหยิบกระบี่มาถวาย
|
ค่อยกระซิบทูลว่าพระอย่าอาย
|
ครั้งนี้ตีหมายเอารางวัล
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
|
ยิ้มพลางทางว่าอย่าเยาะกัน
|
ดีแต่พูดเช่นนั้นอัตรา
|
แล้วพยักเรียกระเด่นดาหยันไป*
|
ต่างองค์บังคมไหว้ท้าวหมันหยา
|
ลุกขึ้นร่ายรำทำกิริยา
|
ทรงกระบี่เบื้องขวากรีดกราย
|
ประเท้าก้าวกระหยับย่างเยื้อง
|
ชำเลืองนัยนาสอดส่าย
|
แลสบเนตรนางพลางยิ้มพราย
|
แล้วประปรายปลายกระบี่ตีกัน
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ กลองแขก
|
๏ บัดนั้น
|
ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวสรรค์
|
ทั้งเถ้าแก่ชะแม่นางกำนัล
|
แอบดูอยู่ที่ชั้นชาลา
|
บ้างนิยมชมระเด่นมนตรี
|
รำกระบี่น่ารักนักหนา
|
บุญตัวได้เห็นเป็นขวัญตา
|
งามดั่งเทวาสุราลัย
|
ลางนางนั่งชิดสะกิดเพื่อน
|
แย้มเยื้อนพูดจาอัชฌาสัย
|
ดูทีทำนองภูวไนย
|
จะมีที่ต้องใจสักสิ่งอัน
|
บ้างว่าข้าเห็นเป็นแยบคาย
|
นัยนาสอดส่ายคมสัน
|
บ้างซุบซิบกระหยิบตากัน
|
นางกำนัลลอบดูพระภูธร
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นจินตะหราดวงสมร
|
เมียงมองอยู่ที่ช่องบัญชร
|
บังอรแลลอดสอดตา
|
ครั้นสบเนตรเชษฐาทีไร
|
อรไทสะเทินเมินหน้า
|
เสหยอกบาหยันด้วยมารยา
|
ชายตาแย้มยิ้มพริ้มไป
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย
|
ผันผัดปัดป้องว่องไว
|
ถ้อยทีหนีไล่ไปมา
|
ครั้นระเด่นดาหยันเสียที*
|
ภูมีตีต้องหัตถา
|
บรรดาพี่เลี้ยงแลเสนา
|
ก็สรวลเสเฮฮาขึ้นพร้อมกัน
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ประสันตาแสนกลคนขยัน*
|
คลานเข้าไปรับกระบี่พลัน
|
อภิวันท์แล้วกระซิบทูลพลาง
|
ข้าเห็นพระองค์ทรงกระบี่
|
ท่าทีเคล่าคล่องทั้งสองอย่าง
|
ไหนจะกรายร่ายรำทำท่าทาง
|
ไหนจะดูอยู่ข้างบัญชรชัย*
|
แต่ส่ายสอดทอดพระเนตรอยู่อย่างนี้
|
ยังทรงตีมีชัยชำนะได้
|
ชอบเอาของที่ต้องพระหฤทัย
|
มารางวัลภูวไนยจะสมควร
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีแย้มสรวล
|
จึงตรัสว่าอย่าเย้าเฝ้ากวน*
|
ดีแต่ชวนพูดเล่นเช่นนั้น
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระผู้ผ่านกรุงไกรไอศวรรย์
|
ตรัสชมอิเหนากุเรปัน
|
การกระบี่ดีครันขยันนัก
|
ไม่มีใครเป็นคู่สู้ได้
|
ทั้งในแดนชวาอาณาจักร
|
สมเป็นวงศาสุรารักษ์
|
ยศศักดิ์ประเสริฐเลิศชายฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเรืองฉาย
|
ให้เสนาพี่เลี้ยงตัวนาย
|
รำถวายทีละคู่สู้กัน
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
พี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน
|
รับสั่งแล้วบงคมคัล
|
ก็จัดคู่สู้กันทันใด
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ กลองแขก
|
๏ เมื่อนั้น
|
ท้าวหมันหยายิ้มย่องผ่องใส
|
ทอดพระเนตรอยู่บนบัญชรชัย
|
แสนสำราญพระหฤทัยพระทรงธรรม์
|
จึงสั่งให้เอาของมาประทาน
|
ทวยหาญเสนากิดาหยัน
|
ทั้งเงินทองเสื้อผ้าแพรพรรณ
|
รางวัลให้ทั่วทุกตัวคน
|
อันองค์ระเด่นมนตรี
|
ให้จัดของดีดีเครื่องต้น
|
ธำมรงค์มงกุฎกุณฑล
|
สร้อยสนสังวาลแววไว
|
อันระเด่นดาหยันวงศา
|
เอาชฎาเดินหนมาให้
|
ทั้งทองกรพาหุรัดตรัสไตร
|
เร่งไปเอามาบัดนี้
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
เสนารับสั่งใส่เกศี
|
อภิวันท์แล้ววิ่งเป็นสิงคลี
|
ออกมาสั่งดังมีบัญชาการ
|
คลังวิเศษภูษามาลา
|
ก็ขนของเข้ามายังหน้าฉาน
|
กราบถวายบังคมก้มกราน
|
แล้วเอาของมาประทานทันใด
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูหมันหยาเป็นใหญ่
|
เสร็จสรรพก็หับบัญชรชัย
|
เข้าในปราสาทแก้วแพรวพรรณ
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
|
เสด็จทรงอัสดรจรจรัล
|
กลับไปประเสบันอากง
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
|
๏ ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง
|
ให้คลุ้มคลั่งหฤทัยใหลหลง
|
ไม่ทันจะเปลื้องเครื่องทรง
|
เสด็จตรงไปที่ไสยา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment