Latest News

Saturday, August 18, 2012

อิเหนา : นางอัยยิกาอิเหนาทิวงคต (๑๒)


นางอัยยิกาอิเหนาทิวงคต


     ช้า

     มาจะกล่าวบทไป
ถึงระตูผู้ผ่านหมันหยา
อยู่จำเนียรกาลนานมา
พระมารดาสุดสิ้นทิวงคต
มเหสีสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์
ต่างแสนโศกศัลย์กำสรด
ทั้งองค์ระตูผู้มียศ*
ก็ระทดพระทัยพันทวี
จึ่งให้เชิญพระศพใส่โกศทอง
สถิตไว้ในห้องปราสาทศรี
ตกแต่งตามตำแหน่งประเพณี
กษัตราธิบดีแต่ก่อนมา
แล้วมีพจนารถประสาทสั่ง
อำมาตย์ดะหมังยาสา
ท่านจงจัดแจงแต่งตรา
บอกบรรดาเมืองขึ้นของเรา
ให้ผู้รั้งทั้งปวงหลวงปลัด
เกณฑ์ไพร่เร่งรัดไปตัดเสา
กำหนดยาวใหญ่ย่อมกล่อมเกลา
ให้ได้เท่าตามอย่างช่างให้การ
ทุกสิ่งสารพัดผัดแผง
จัดแจงข้าส่วยให้ช่วยสาน
จงหมายบอกทุกตำแหน่งพนักงาน
จะทำการให้เสร็จในปีนี้
แล้วสั่งปาเตะตำมะหงง
ท่านจงแต่งราชสารศรี
ไปดาหากุเรปันพระบุรี*
ว่าพระชนนีนั้นมรณา ฯ
ฯ ๑๔ คำ ฯ
     ร่าย

     บัดนั้น
อำมาตย์ทั้งสี่มียศถา
รับส่งแล้วบังคมลา 
ออกมาจากพระโรงรูจี ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
     รีบเขียนหนังสือหลายฉบับ
แล้วประทับปิดตราพระราชสีห์
ให้ม้าใช้ถือไปทุกธานี
ตามมีรับสั่งพระทรงธรรม์
แล้วแต่งราชสารลงลานทอง*
มอบให้สองสามนต์คนขยัน
จงรีบไปหากุเรปัน
สิบห้าวันให้ถึงพารา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
เสนีสองนายซ้ายขวา*
คำนับรับราชสารา
มาขึ้นม้าแยกย้ายกันไป ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
     ครั้นถึงกุเรปันนคเรศ
ก็เข้าในนิเวศน์วังใหญ่
บอกแก่ยาสาเสนาใน
แล้วส่งสารให้ทันที ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
ยาสาเสนาบดีศรี
พาอำมาตย์หมันหยาธานี
เข้าไปเฝ้าธุลีพระบาทา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
     ครั้นถึงจึ่งถวายบังคม
นบนิ้วประนมเหนือเกศา
ทูลแถลงแจ้งความตามกิจจา
แล้วถวายสาราพระทรงธรรม์ฯ
ฯ ๒ คำ
     เมื่อนั้น
พระผู้ผ่านกรุงไกรไอศวรรย์
คลี่สารอ่านทราบทุกสิ่งอัน
จึ่งมีพระบัญชาไป
พระประชวรฉันใดก็ไม่รู้
ควรหรือระตูช่างนิ่งได้
ต่อเมื่อพระสวรรคาลัย
จึ่งให้มาแจ้งกิจจา ฯ*
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
เสนีที่มาแต่หมันหยา
ได้ฟังพจนารถประภาษมา
จึ่งสนองบัญชาพระทรงยศ*
แต่แรกประชวรมาได้ห้าวัน
พระโรคนั้นเห็นพอจะเปลื้องปลด
โภชนาอาหารก็มีรส
เสวยพระโอสถทุกเวลา
ระตูภูธรไว้พระทัย
ว่าจะไม่เป็นไรหนักหนา
จึ่งมิได้มีราชสารา
มาทูลกิจจาภูวไนย
พระโรคนั้นกลับกลายเมื่อภายหลัง
หนักลงเหลือกำลังจะแก้ไข          
สองวันก็สวรรคาลัย
ภูวไนยจงทราบฝ่าธุลี ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี
ได้ฟังจะแจ้งแห่งคดี
ภูมีจึงสั่งเสนา
จงจัดแจงแต่งของไทยทาน
ไปช่วยการพระศพในหมันหยา
สั่งเสร็จเสด็จลีลา
เข้ามหาปราสาทรูจี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
     นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์ชัชวาล
พร้อมห้าเยาวมาลย์มเหสี
พระจึ่งยื่นสารนั้นทันที*
ให้ประไหมสุหรีกัลยา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ประไหมสุหรีเสนหา
คลี่สารอ่านแจ้งกิจจา*
ว่าพระมารดาพิราลัย
ดั่งหนึ่งพระกาลชาญฤทธิ์
มาเด็ดดวงชีวิตไปได้
ชลเนตรฟูมฟองนองนัยน์
สะอื้นไห้ครวญคร่ำรำพัน ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
     โอ้

     โอ้พระชนนีของลูกเอ๋ย
พระคุณเคยปกป้องประคองขวัญ
เชยชมเช้าเย็นเป็นนิรันดร์
สารพันมิให้อนาทร
ยังมิได้ทดแทนสนองคุณ
ซึ่งการุญรักร่ำพร่ำสอน
หรือมาละลูกไว้ให้อาวรณ์
หนีไปอมรเมืองฟ้า
พระประชวรโรคันคุ้งบรรลัย
ก็มิได้พิทักษ์รักษา
เสียแรงที่อุ้มท้องประคองมา
กัลยาร่ำพลางทางโศกี ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
     ร่าย

     ครั้นค่อยเคลื่อนคลายวายเทวษ
จึ่งกราบทูลภูวเรศเรืองศรี
ข้าขอบังคมลาฝ่าธุลี
ไปดูแลเปลวอัคคีพระมารดา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา
นิ่งนึกตรึกไตรไปมา
ครั้นจะให้กัลยาคลาไคล
เกลือกระตูผู้ผ่านแผ่นดิน*
จะดูหมิ่นประมาทหาควรไม่
จะเสียเกียรติยศปรากฏไป
ทุกกรุงไกรจะติฉินนินทา*
คิดพลางทางปลอบมเหสี
อย่ากันแสงโศกีฟังพี่ว่า
อันเกิดแล้วไม่แคล้วมรณา
ถึงพรหมินทร์อินทราก็เหมือนกัน
ซึ่งจะไปส่งสการพระมารดร
ยังนครหมันหยาเขตขัณฑ์*
กันดารโดยมรคาอารัญ 
ทั้งทรงครรภ์ได้แปดเดือนปลาย
เกลือกจะเกิดเหตุใหญ่ขึ้นในป่า
จะลำบากกายาโฉมฉาย
รู้ไปถึงไหนจะได้อาย
เขาจะฉินยินร้ายทุกพารา
เจ้าจงจัดแจงแต่งไทยทาน
ส่งสการพระศพดีกว่า
ให้อิเหนาลูกเราลีลา
ก็เหมือนกับกัลยาคลาไคล ฯ
ฯ ๑๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ประไหมสุหรีศรีใส
ได้ฟังภิปรายค่อยคลายใจ
อรไททูลสนองพระวาจา
ซึ่งพระองต์ตรัสโปรดมาทั้งนี้
เห็นชอบท่วงทีเป็นหนักหนา
ว่าแล้วถวายบังคมลา
ลงมาที่อยู่เยาวมาลย์ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
     เมื่อนั้น
พระองค์ผู้ดำรงราชฐาน
จึงตรัสสั่งดะหมังมิทันนาน
จงรีบไปแจ้งการอนุชา
เราจะให้ระเด่นมนตรี
ไปปลงศพอัยกียังหมันหยา*
จะจัดแจงใครไปก็ให้มา
สองเมืองจะได้พากันคลาไคล ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
ดะหมังรับสั่งบังคมไหว้
มาเร่งรัดจัดกันทันใด
พร้อมเหล่าบ่าวไพร่แล้วไคลคลา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
     มาถึงทางร่วมพนาลี
ก็พบพวกเสนีหมันหยา
ต่างคนต่างรีบเร่งมา 
ก็ถึงกรุงดาหาพร้อมกัน
จึงไปหาปาเตะเสนี
แถลงเล่าคดีขมีขมัน
พอเพลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์
ก็พากันไปพระโรงรูจี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     จึ่งก้มเกล้าประณตบทมาลย์
พระผู้ผ่านดาหากรุงศรี
อำมาตย์หมันหยาธานี
อัญชลีทูลถวายสารา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา
คลี่สารอ่านแจ้งในกิจจา
ให้สังเวชวิญญาณ์จาบัลย์
จึงสั่งคลังวิเสทศุภรัต
จงจัดไทยทานทุกสิ่งสรรพ์
แล้วถามดะหมังกุเรปัน
พระทรงธรรม์ใช้มาว่าไร ฯ*
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
ดะหมังบังคมแถลงไข
บัดนี้พระเชษฐาบัญชาใช้
มาทูลให้ทราบธุลีพระบาทา
พระจะให้องค์ระเด่นมนตรี
เสด็จไปบุรีหมันหยา
อันเครื่องไทยทานการนานา
ให้พร้อมแต่สิบห้าราตรี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ท้าวดาหาสุริย์วงศ์เรืองศรี
ได้แจ้งแห่งคำเสนี  
ภูมีนิ่งนึกตรึกไตร
พระเชษฐาน่าจะแหนงฤทัยอยู่
ด้วยระตูจะประมาทหมิ่นได้
หวังมิให้กัลยาคลาไคล
จึงอุบายเป็นนัยมาดังนี้
คิดพลางทางมีบัญชาสั่ง
ดะหมังจงคืนไปกรุงศรี
ทูลพระเชษฐาธิบดี
ว่าเราอัญชลีพระบาทา
จะให้เสนานำของไป 
ยังนิเวศน์เวียงชัยพระเชษฐา
บรรจบกันกับอิเหนานัดดา 
ไปเขตขัณฑ์หมันหยาธานี
สั่งเสร็จเสด็จยุรยาตร
ไปปราสาทองค์ประไหมสุหรี
นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์รูจี  
พระส่งสารศรีให้กัลยา ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ประไหมสุหรีเสนหา
คลี่สารอ่านพลันมิทันช้า
แจ้งว่าชนนีทิวงคต
นางตระหนกอกสั่นขวัญหาย
เพียงจะวายชีวิตปลิดปลด
สองกรข้อนอุรารันทด
พิไรร่ำกำสรดโศกา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
     โอ้

     โอ้ว่าพระมารดาเจ้า
พระบาทเคยปกเกล้าเกศา
เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมา
มิให้เคืองวิญญาณ์เท่ายองใย
พระเจ็บไข้ก็มิได้พยาบาล
จะรู้ข่าวอาการก็หาไม่
จนสุดสิ้นชีวันบรรลัย
ลูกมิได้เห็นใจพระมารดร
ร่ำพลางทางทรงโศกี
ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์
ดังจะม้วยชีวาด้วยอาวรณ์
บังอรไม่เป็นสมประดี ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
     ร่าย

     ครั้นค่อยคลายอาดูรจึงทูลไป
ภูวไนยจงโปรดเกศี
ข้าขอบังคมลาไปธานี
ดูเปลวอัคคีพระมารดา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พระองค์ทรงพิภพดาหา
จึ่งโลมเล้าเอาใจไปมา
เจ้าอย่าอาวรณ์ร้อนฤทัย
อันกำเนิดเกิดมาในสากล
ใครจะพ้นมรณะก็หาไม่
จงระงับดับความอาลัย
ถึงโศกไปใช่ที่จะเป็นมา
ซึ่งเจ้าว่าจะลาบทจร*
ไปนครเขตขัณฑ์หมันหยา
ในฤดูเดือนนี้จะลีลา
กันดารโดยมรคาท่าทาง
ฝูงโขมดมายาย่อมอาเพศ
ให้เกิดเหตุอันตรายหลายอย่าง
ใช่จะแกล้งเกียดกันกั้นกาง
ถึงพี่นางก็ไม่ไคลคลา
โฉมยงจงจัดไทยทาน
ส่งสักการพระศพจะดีกว่า*
ให้เสนีนำไปด้วยนัดดา*
ก็เหมือนกัลยาคลาไคล ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ประไหมสุหรีศรีใส
ได้ฟังบัญชาภูวไนย
อรไทค่อยคลายโศกา
จึงมีเสาวนีย์ตรัสสั่ง
พนักงานชาวคลังซ้ายขวา
จงจัดเครื่องไทยทานนานา
จะให้ไปหมันหยาธานี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
ฝ่ายนางพนักงานสาวศรี
รับสั่งแล้วรีบจรลี
มาจัดตามเสาวนีย์กัลยา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
     สิ่งของไทยทานก็เตรียมพร้อม*
ทั้งเครื่องหอมเนื้อไม้กฤษณา
ครั้นเสร็จให้ขนเข้ามา
ถวายองค์กัลยาทันที ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
โฉมยงองค์ประไหมสุหรี
เคารพจบพระหัตถ์ด้วยยินดี
เทวีสมาโทษพระมารดา
จึงตรัสสั่งสาวสวรรค์ทันใด
ให้ขนของไปข้างหน้า
มอบให้ดะหมังเสนา
ไปด้วยนัดดาโดยลำพัง ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
นางกำนัลคำนับรับสั่ง
จึ่งขนของออกไปจากในวัง
มอบให้ดะหมังทันที
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
ดะหมังนั่งตรวจดูถ้วนถี่
ให้เสมียนจดหมายรายบัญชี
ผูกถือใส่ที่แล้วตีตรา
ให้ขนสิ่งของบรรทุกช้าง
เหลือนั้นใส่ต่างมหิงสา
ครั้นเสร็จก็ยกโยธา
ออกจากพารารีบไป ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
     เร่งรัดพลมาสิบห้าวัน
ก็ถึงกุเรปันกรุงใหญ่
ครั้นเวลาเฝ้าท้าวไท
ก็เข้าไปพระโรงรัตนา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     จึงก้มเกล้าประณตบทบงสุ์
พระองค์ทรงพิภพนาถา
ทูลแถลงแจ้งความตามกิจจา
ให้ทราบบาทาทุกสิ่งไป ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ท้าวกุเรปันเป็นใหญ่
ได้ฟังดะหมังเสนาใน
จึงตรัสไปแก่องค์พระลูกยา
เจ้าจงคุมของสองธานี
ไปปลงศพอัยกียังหมันหยา
แทนองค์พระราชมารดา
กับประหมันดาหาเวียงชัย
แล้วดูโยธีที่ทำงาน
แม้นเห็นการไล่ล่าเป็นไฉน
บอกกมาจะเพิ่มพลไกร
ไประดมทำให้ทันที
เสร็จแล้วลูกแก้วอย่าอยู่ช้า
เร่งกลับมากุเรปันกรุงศรี
จึงตรัสสั่งปาเตะเสนี
จงตรวจเตรียมโยธีรี้พล
ท่านไปด้วยช่วยดูเป็นผู้ใหญ่
เอาใจใส่อย่าให้มีเหตุผล
สั่งเสร็จเสด็จจรดล
ขึ้นสู่ไพชยนต์ปราสาทชัย ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ
     เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีศรีใส
ครั้นเสด็จขึ้นแล้วก็คลาไคล
กลับไปอยู่ที่พระภูมี ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
ปาเตะเสนาบดีศรี
ออกมาจัดพลโยธี
ตามมีพระราชบัญชา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     ยานี

     ขุนช้างต่างผูกคชสาร
เคยชำนาญการณรงค์แกล้วกล้า
ขุนม้าก็ผูกอาชา
เบาะอานพานหน้าประดับดาว
ขุนรถตรวจเตรียมเทียมพาชี
สลับสีเหลืองกะเลียวเขียวขาว
ขุนพลจัดพลเดินเท้า
นายหมวดตรวจบ่าวพร้อมเพรียง
พวกทำที่ประทับพลับพลา
ให้ล่วงหน้ารีบไปแต่ในเที่ยง
จัดแจงหาบคอนผ่อนเสบียง
ตามเยี่ยงอย่างเสด็จยาตรา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ

no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top