Latest News

Friday, February 22, 2013

อิเหนา : นางมาหยารัศมีนางสะการะวาตีขึ้นเฝ้าอิเหนา (๔๗)



นางมาหยารัศมีนางสะการะวาตีขึ้นเฝ้าอิเหนา


     เมื่อนั้น
สองราชบุตรีศรีใส
สุดคิดที่จะบิดเบือนไป
อรไทก้มหน้าไม่พาที
พี่เลี้ยงโลมเล้าเฝ้าวอนว่า
จึ่งลีลาออกไปจากในที่
มาสระสรงคงคาวารี
ขัดสีพระกายกรายกรีดนิ้ว ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ

     ชมตลาด

     ลูบไล้สุคนธ์ปนทอง
ผัดพักตร์นวลละอองผ่องผิว
ทรงน้ำมันกันไรไปล่ปลิว
วาดคิ้ววงค้อมพร้อมเพราคม
พี่นางนุ่งเข้มขาบเขียวตอง
ห่มตาดทองปักปีกแมงทับถม
พระน้องนุ่งยกแย่งเทพประนม
ทรงห่มริ้วทองรอบซับ
สร้อยนวมสวมใส่พระอังสา
ตาบจินดาดวงมณีสีสลับ
สะอิ้งสายสังวาลบานพับ
ทองกรแก้วแวววับประดับเพชร
ธำมรงค์เรือนรูปนาคี
ทรงมงกุฎพระบุตรีตรัสเตร็ด
สะพังพวงควงหันกัลเม็ด
แล้วเสด็จย่างเยื้องจรจรัล ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     ร่าย

     ลงจากที่ประทับพลับพลา
พร้อมกำนัลกัลยาสาวสวรรค์
ต่างเชิญเครื่องอานพานสุวรรณ
กั้นกลดคันสั้นเสด็จไป ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
     ครั้นมาใกล้พลับพลาปันหยี
สองศรีหยุดอยู่ไม่ไปได้
ให้ประหวั่นครั่นคร้ามขามใจ
หฤทัยระทึกไปมา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
พระพี่เลี้ยงทั้งสองเสนหา
จึ่งปลอบสองราชธิดา
แม่อย่าประหวั่นพรั่นใจ
จะสะเทินเหินห่างอยู่อย่างนี้
พระภูมีจะดำริติได้
อุยหน่ามาตีเอาพี่ไย
ว่าพลางผลักไสให้จรลี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ทั้งสองสุดามารศรี
ผูกคิ้วนิ่วหน้าไม่พาที
เทวีจำใจจรจรัล
องค์อ่อนระทวยขวยเขิน
ทั้งสะเทินทั้งอายค่อยผายผัน*
ถึงพลับพลาหน้าที่นั่งทรงธรรม์
ก็ทรุดองค์อภิวันท์อัญชลี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี
เห็นโฉมสองราชบุตรี
ภูมีนึกในไปมา
อันนางซึ่งนั่งข้างหลังนั้น
ผิวพรรณผุดผ่องดังเลขา
จะเป็นพี่สังคามาระตา
นรลักษณ์พักตราก็คล้ายกัน*
ดูพลางเพลินจิตพิศวง
ด้วยรูปทรงทั้งสองสาวสวรรค์
จึงยิ้มเยื้อนปราศรัยไปพลัน
เชิญมาบนสุวรรณพลับพลาชัย ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
สองราชบุตรีศรีใส
ฟังรสพจนารถภูวไนย
ยิ่งสะเทินเขินฤทัยบังอร
ต่างองค์ต่างอายไม่ผายผัน
พลางผลักไสฉันให้ไปก่อน
ต่อตรัสเรียกหลายคำจึงจำจร
ขึ้นไปชลีกรแล้วก้มพักตร์ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์มิสาระปันหยีมีศักดิ์
เห็นสองทรามวัยวิไลลักษณ์
บังคมก้มพักตร์ไม่พาที
พระจึงตรัสโลมเล้าเอาใจ
ปราศรัยสองสุดามารศรี
เจ้าเคยแต่อยู่ในบุรี
ไม่เหมือนที่แว่นแคว้นแดนดง
จะได้ชมถ้ำธารสำราญใจ
ทั้งมิ่งไม้หมู่นกวิหคหงส์
พลางเรียกอนุชาโฉมยง
เจ้าจงยกพานสลามา
เอาไปสู่ที่นางทั้งสองศรี
ให้เสวยตามมีของชาวป่า
แล้วตรัสสั่งพี่เลี้ยงกัลยา
จงพาสองระเด่นไปเล่นธาร ฯ*
ฯ ๘ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ทั้งสองอนงค์ยอดสงสาร
จึงถวายบังคมก้มกราน
เยาวมาลย์ก็กลับไปพลับพลา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     ช้า

     เมื่อนั้น
พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา
แลตามทรามวัยจนลับตา
เสนหาพูนเพิ่มพันทวี*
คิดจะใคร่ภิรมย์สมสวาท
ด้วยสองราชธิดามารศรี
กลัวเกลือกจินตะหราวาตี
จะว่ามีชู้เมียสิเสียการ
จำเป็นจะเงือดงดสะกดใจ
อุตส่าห์อดส้มไว้กินหวาน
อย่าให้เคืองขุ่นข้องหมองพ้องพาน
แต่คิดอ่านครวญใครไปมา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     ร่าย

     ครั้นราตรีเข้าที่ไสยาสน์
ถวิลถึงนุชนาฏขนิษฐา
จึงตรัสเรียกสังคามาระตา
เข้ามาบรรทมชมชิด ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     ชมโฉม

     พิศดูรูปทรงส่งศรี
เหมือนมาหยารัศมีไม่เพี้ยนผิด
พระเชยปรางพลางอุ้มขึ้นจุมพิต
ฤทัยคิดสำคัญว่ากัลยา
เอวองค์อรชรอ้อนแอ้น
เหมือนแม้นที่นางเป็นหนักหนา
พิศทรงขนงเนตรอนุชา
ละม้ายเหมือนนัยนานางเทวี
ชมพลางพิศวงหลงโลม
นึกว่าโฉมมาหยารัศมี
สัพยอกแย้มสรวลชวนพาที
จนเข้าที่บรรทมหลับไป ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
     ดาวเดือนเลื่อนลับเมฆา
สุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล
พระตื่นจากที่บรรทมใน
ลีลาคลาไคลไปสรงชล
สำอางองค์ทรงเครื่องสรรพเสร็จ
แล้วเสด็จไปทรงม้าต้น
พรั่งพร้อมเสนาสามนต์
ให้ยกพลโยธาพลากร ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top