Latest News

Thursday, January 3, 2013

อิเหนา : ระตูปัญจรากันระตูปักมาหงันยอมแพ้อิเหนา (๔๑)



ระตูปัญจรากันระตูปักมาหงันยอมแพ้อิเหนา


     บัดนั้น
พวกพลท้าวบุศสิหนา
ได้ฟังสองกษัตริย์ตรัสมา
จึงวันทาทูลสนองพจมาน
มีพวกโจรไพรใจฉกรรจ์
บุกบั่นเข้ามาถึงหน้าฉาน*
ใครห้ามไม่ฟังอหังการ
ไล่ผลาญรี้พลมนตรี
แล้วกล่าวคำหยาบช้าท้าทาย
บอกว่านายของมันชื่อปันหยี
พระอนุชายกทหารไปต้านตี
เสียทีมอดม้วยมรณา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
สองระตูภูวเรศเชษฐา
ได้ฟังดังต้องสายฟ้า
ตกประหม่าหน้าซีดลงทันใด
น้อยจิตเจ็บอายเสียดายน้อง
ให้ขุ่นข้องแค้นขัดอัชฌาสัย
มิได้ไต่ถามต่อไป
บรรหารให้ตรวจเตรียมโยธี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     แล้วบังคมคัลวันทา
กล่าวคำอำลาพระฤๅษี
โยกจะยกโยธาไปราวี
แก้แค้นไพรีอหังการ ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์สังปะติเหงะฤๅษีสาร
เล็งดูรู้ด้วยอภิญญาณ
จึงแจ้งการแก่สองกษัตรา
อันมิสาระปันหยีนี้ไซร์
มิใช่ปัจจุเหร็จโจรป่า
คืออิเหนาสุริย์วงศ์เทวา
โอรสาองค์ท้าวกุเรปัน
ใครอาจหาญต้านต่อรอฤทธิ์
จะสุดสิ้นชีวิตอาสัญ
จงหยุดยั้งชั่งพระทัยทรงธรรม์
อย่าหุนหันฮึกฮักไปชิงชัย ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
สองระตูผู้มีอัชฌาสัย
แต่ออกนามอิเหนาก็ตกใจ
ภูวไนยไหวหวั่นครั่นคร้าม
จึงคิดว่าดาบสพระองค์นี้
เล็งเห็นถ้วนที่เธอจึงห้าม
ถ้าจะขืนรณรงค์สงคราม
จะซ้ำร้ายตายตามอนุขา
คิดพลางทางสนองพระมุนี
เอ็นดูโยมครั้งนี้หนักหนา
พระคุณล้ำล้นคณนา
จะทำตามวาจาพระอาจารย์
ว่าแล้วอำลาพระดาบส
ลงจากบรรพตไพศาล
พร้อมพหลมนตรีบริวาร
ไปสถานที่ประทับพลับพลาทอง ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
     ครั้นถึงที่สำนักตำหนักไพร
จึงเสด็จคลาไคลเข้าในห้อง
ให้คิดครวญคะนึงถึงพระน้อง
ชลเนตรฟูมฟองนองนัยน์
แล้วตรัสเรียกสองมเหสี
มาเล่าความถ้วนที่แถลงไข
ปันหยีนี้มิใช่ชาวไพร
คืออิเหนากรุงไกรกุเรปัน
ลือนามขามเดชเดชา
ทั้งเป็นวงศ์เทวากระยาหงัน
แม้นจะยกพลไกรไปโรมรัน
ก็จะซ้ำอาสัญเป็นสามคน
หากว่าดาบสผู้ทรงญาณ
แจ้งการจึงรู้เหตุผล
จำจะโอนอ่อนผ่อนปรน
จึงจะพ้นภยันอันตราย
จะไปออกปันหยีเสียดีกว่า
เอาโอรสธิดาไปถวาย*
จะได้พึ่งทางธรรม์คุ้งวันตาย
โฉมฉายจะเห็นประการใด ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
สองประไหมสุหรีศรีใส
นบนิ้วสนองพระภูวไนย
พระคิดได้ดังนี้ดีนัก
ไปออกแก่มิสาระปันหยี
ธานีจะได้พึ่งเป็นแหล่งหลัก
เพราะเดชาวงศาสุรารักษ์
จะปรากฏยศศักดิ์สืบไป
แล้วเรียกราชธิดาเข้ามาสั่ง
ลูบหลังลูบหน้าน้ำตาไหล
สาวสวรรค์ขวัญข้าวอย่าเศร้าใจ
จะได้พึ่งพระองค์วงศ์เทวา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
สองบุตรีได้ฟังก็กังขา
จึงทูลถามบิตุเรศมารดา
ซึ่งตรัสมาไม่แจ้งยังแคลงใจ
อันสุริย์วงศ์พงศาสุราฤทธิ์
รูปร่างเพี้ยนผิดเราหรือไฉน
ไม่อยู่เมืองสวรรค์ด้วยอันใด
เรื่องราวอย่างไรแต่แรกมา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
สองประไหมสุหรีเสนหา
จึงแถลงแจ้งเหตุแก่ธิดา
ว่าเดิมเมืองหมันหยาธานี
บริบูรณ์พูนสุขสนุกสนาน
ดังวิมานเมืองฟ้าในราศี
อันระตูผู้ดำรงพระบุรี*
มีธิดาทั้งสี่ทรามวัย
ท้าวจะใคร่แต่งการสยุมพร
กษัตริย์ทุกนครหาควรไม่
เมื่อจะมีเหตุนั้นพระขรรค์ชัย
กับธงผุดขึ้นในหน้าพระลาน
ให้บังเกิดข้าวยากหมากแพง
รบกันฟันแทงทุกสถาน
ประชาชนฉิบหายวายปราณ
ได้ขุ่นเคืองรำคาญเดือดร้อน
ระตูทุกข์นักหนักจิต
เห็นผิดเยี่ยงอย่างแต่ปางก่อน
มาเกิดการกระลีกระลำพร
จึงให้ถอนพระขรรค์กับธงชัย
ใครจะทำอย่างไรก็ไม่หลุด
เอาเชือกฉุดก็ไม่ขาดหวาดไหว
จึงให้ตีฆ้องร้องป่าวไป
ทั่วในแว่นแคว้นแดนชวา
แม้นใครถอนพระขรรค์กับคันธง
ขึ้นได้ดังจำนงปรารถนา
ท้าวจะให้สมบัติกึ่งพารา
ทั้งพระธิดาลาวัณย์
กรุงกษัตริย์ทั้งสิ้นก็ยินดี
จะใคร่ได้พระบุตรีเฉิดฉัน
ยกทัพนับแสนมาแน่นนันต์
เข้าถอนธงพระขรรค์ไม่เคลื่อนคลา*
จึงอสัญแดหวาทั้งสี่
สถิตที่ไกรลาสภูผา*
เขมรจากสถานวิมานมา
แหล่งแปลงกายาเป็นมนุษย์
เข้าในชุมนุมเมืองหมันหยา
รูปทรงโสภาผาดผุด
จึงจับพระขรรค์กับคันธุช
ก็เขยื้อนเคลื่อนหลุดขึ้นทันใด
อันสมบัติที่ระตูอนุญาต
เทวราชไม่ประสงค์คงคืนให้
รับแต่พระธิดาพาไป
จึงสร้างสรรค์พิชัยธานี
กุเรปันดาหากาหลัง
อีกทั้งสิงหัดส่าหรี
ต่างเสวยราชย์อยู่ในบุรี
มีโอรสบุตรีสืบพงศ์พันธุ์
บุญแล้วจึงได้ไปเป็นข้า
พระผู้วงศ์เทวากระยาหงัน
อย่าละห้อยน้อยใจจาบัลย์
จะได้พึ่งทางธรรม์ธิบดี ฯ
ฯ ๒๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ทั้งสองธิดามารศรี
กราบบาทบิตุราชชนนี
โศกีครวญคร่ำร่ำไร ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     โอ้

     โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว
ไม่เอ็นดูลูกแล้วหรือไฉน
จะสลัดซัดเสียให้จำไกล
ตกไปเป็นข้าปัจจามิตร
จะมีแต่เกรียมตรมระทมทุกข์
เสื่อมสุขโศกเศร้าเปล่าจิต
ควรหรือพระองไม่ทรงคิด
ช่างปลดปลิดอาลัยไม่เมตตา
นิจจาเอ๋ยเคยเข้าอยู่เช้าเย็น
จะนับวันว่างเว้นไม่เห็นหน้า
ร่ำพลางข้อนทรวงเข้าโศกา
ปิ้มว่าชีวิตจะวายปราณ ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
     ร่าย

     เมื่อนั้น
พระบิตุราชมาตุรงค์ก็สงสาร
จึงตรัสปลอบธิดายุพาพาล
เยาวมาลย์แม่อย่าโศกาลัย
อันชนกชนนีนี้รักเจ้า
เทียมเท่าชีวาก็ว่าได้
ใช่จะแสร้งสลัดซัดเสียไกล
เพราะเป็นความจำใจของบิดา
ถ้าแม้นมิผันผ่อนฉันนี้
อันตรายจะมีไปเมื่อหน้า
อย่าขึ้งเคียดเดียดฉันท์เลยขวัญตา
เหมือนแทนคุณบิดาช่วยดับร้อน
ตรัสพลางทางโรงกันแสงสั่ง
โฉมยงจงฟังซึ่งคำสอน
ตัวเจ้าจะไปอยู่ด้วยภูธร
จงโอนอ่อนอุตส่าห์รักษาตัว
สู้เสงี่ยมเจียมจิตคิดว่าข้า
อย่าทิฐิถือว่าพระเป็นผัว
ยิ่งรักเท่าไรให้ยิ่งกลัว
จงหมั่นเฝ้าฝากตัวตามพระทัย ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
     แล้วอุ้มพระกุมารขึ้นใส่ตัก
พิศพักตร์ลูกน้อยละห้อยไห้
สุดสวาทของแม่ผู้ร่วมใจ
เจ้าจงไปเป็นเพื่อนพี่นาง
ทั้งสามอุตส่าห์รักษากัน
อย่าเดียดฉันท์ขุ่นข้องหมองหมาง
สี่กษัตริย์ตรัสพลางกันแสงพลาง
ปิ้มปางจะสิ้นสมประดี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
     ครั้นคลายอาดูรพูนเทวษ
สองระตูภูวเรศเรืองศรี
จึงเสด็จย่างเยื้องจรลี
มายังที่ข้างหน้าพลับพลาพลัน ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
     ลดองค์ลงนั่งเหนืออาสน์
พร้อมหมู่อำมาตย์กิดาหยัน
จึงตรัสสั่งเสนีทั้งสี่นั้น
จงจัดสรรสิ่งของบรรณาการ
จะให้พาโอรสแลบุตรี
ไปถวายปันหยีผู้ห้าวหาญ
เร่งตระเตรียมเทียมรถราชยาน
ถ้วนทุกพนักงานให้พร้อมไว้ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     บัดนั้น
ทั้งสี่เสนาผู้ใหญ่
รับราชบัญชาแล้วคลาไคล
ลงไปจากสุวรรณพลับพลา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
     จึงจัดบรรณาการสิ่งของ
บรรทุกช้างจำลองแลรถา
ให้เทียมรถสองราชธิดา
ผูกมาสำหรับพระกุมาร
แล้วตรวจตรามหาดเล็กขอเฝ้า
ทั้งสามเหล่าสับสนอลหม่าน
นายไพร่พร้อมกันมิทันนาน
มอบหมายเครื่องอานพานทอง ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ประไหมสุหรีทั้งสอง
พาโอรสบุตรีพี่น้อง
ไปยังห้องสรงสหัสธารา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
     ชมตลาด

     ให้โฉมยงทรงสุคนธาธาร
พระกุมารทรงอุหรับจับมังสา
นางนุ่งยกพื้นแดงแย่งนาคา
พระน้องทรงภูษาสีต่างกัน
นางห่มตาดสุวรรณบรรจง
พระน้องฉลององค์ทรงกระสัน
พี่นางต่างใส่สังวาลวรรณ
พระน้องนั้นประดับทับทรวงทรง
นางทรงพาหุรัดตรัสไตร
พระน้องใส่ทองกรก่องก่ง
พระที่ใส่ไพฑูรย์ธำมรงค์
พระน้องทรงมรกตรจนา
นางทรงมงกุฎพระบุตรี
พระน้องใส่เกี้ยวมณีกรอบหน้า
พี่เลี้ยงสาวศรีมีอัชฌา
ช่วยแต่งกายาให้บังอร ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     ครั้นเสด็จทรงเครื่องพระบุตรี
สองประไหมสุหรีศรีสมร
จึงพาสามโอรสบทจร
มาเฝ้าพระภูธรธิบดี ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
สองราชธิดามารศรี
กราบลงแล้วทรงโศกี
เทวีสะอื้นไห้ไปมา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
     เมื่อนั้น
สองกษัตริย์สุริย์วงศ์นาถา
เห็นโอรสราชธิดา
มาภิวาทวันทาจะลาไป
ให้สร้อยเศร้าสลดกำสรดโศก
จะวิโยคลูกยาน้ำตาไหล
ต่างตรัสอำนวยอวยชัย
เจ้าไปเป็นสุขสวัสดี
สารพัดไภยันอันตราย
อย่าระคายเคืองข้องหมองศรี
ว่าพลางย่างเยื้องจรลี
ไปส่งพระบุตรีแลโอรส ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
     ขึ้นเกยที่ประทับฉับพลัน
พระพี่น้องโศกศัลย์กำสรด
กราบบาทบิตุรงค์ทรงยศ
แล้วประณตชนนีชลีลา
มาทรงรถที่นั่งบัลลังก์ทอง
ชักม่านปิดป้องซ้ายขวา
พระกุมารโฉมยงทรงอาชา
ไปหน้าราชรถบทจร
พร้อมพี่เลี้ยงกำนัลทั้งปวง
โขลนจ่าข้าหลวงสลับสลอน
แห่แหนแน่นนันต์พนาดร
เสนีนำนิกรจรจรัล ฯ *
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top