Latest News

Wednesday, July 22, 2009

นิราศสุพรรณ ๑๕๑-๒๐๐

(๑๕๑)๏ เย็นรอนอ่อนเกศก้ม กราบลา
จากวัดตัดตรงมา แม่น้ำ
ค้างคืนตื่นเช้าคลา คลาดเคลื่อน เรือเอย
ติดแก่งแข็งข้อค้ำ ขัดข้องต้องเข็นฯ


(๑๕๒)๏ เลี้ยวหนึ่งถึงบ้านชื่อ โพคลาน
โพใหญ่ไม้บูราณ ร่มชื้น
สองฝั่งพรั่งพฤกษตาล โตนดพุ่ง สูงเอย
ท่าลาดหาดทรายตื้น ตลิ่งล้วนสวนมเขือฯ


(๑๕๓)๏ ศีรษะเวียงเสียงแซ่ล้วน พวนลาว
แก่หนุ่มสุ่มปลาฉาว แช่น้ำ
ผ้าบ่นุ่งพุงขาว ขวยจิต รอิดเอย
เด็กด่วนชวนเพื่อนค้ำ ค่ามให้ไกลลาวฯ


คำว่า ศีรษะเวียง ชาวสุพรรณเรียกหัวเวียง
สันนิษฐานฉบับเดิมก็น่าจะเป็นหัวเวียง

วรรคสุดท้าย : ค่าม = ข้าม

(๑๕๔)๏ โพหลวงห้วงน้ำฦก ไหลเนือย
ปะแต่ลาวเปล่าเปลือย ปลอดผ้า
อาบน้ำคล่ำริมเฟือย ฝูงหนุ่ม กลุ้มแฮ
เด็กเกลียดเบียดเบือนหน้า นิ่วร้องสยองแสยงฯ


(๑๕๕)๏ สำประทิวงิ้วง้าวสล่าง กร่างไกร
ถิ่นท่าป่ารำไร ไร่ฝ้าย
เจ๊กอยู่หมู่มอญไทย ทำถั่ว รั้วเอย
ปลูกผักฟักกล้วยกล้าย เกลื่อนข้างทางจรฯ


(๑๕๖)๏ ถึงย่านบ้านรัดช้าง ปางหลัง
ข้างถูกผูกรึงรัง รัดไว้
พลัดพรากจากฝูงพัง พวกเพื่อน เถื่อนเอย
เพียงพี่ที่ทุเรศไร้ นิราศร้างห่างสมรฯ


(๑๕๗)๏ บ้านตั้งฝั่งฟากน้ำ ธรรมกูล
วัดทร่างปางก่อนสูญ สงัดเศร้า
ขอบเขื่อนเกลื่อนอิฐปูน เปื่อยเปล่า เจ้าเอย
โบสถ์ยับทับพระเจ้า เจิ่งน้ำกรำฝนฯ


(๑๕๘)๏ ยลย่านบ้านหนึ่งนั้น แนะนาม
วัดสว่างอารมอาราม รื่นไม้
สว่างแต่ที่พี่ยาม มืดมิด จิตรเอย
ห่อนสว่างอย่างไว้ ชื่ออ้างสว่างอารมฯ


(๑๕๙)๏ โพพระระยะหญ้าน หญ่อมไพร
โพชื่นรื่นร่มใบ โบกรย้า
โปรดด้วยช่วยคุ้มไภย พยัฆพยศ คดเอย
โพพระอนุเคราะห์ข้า พระเจ้าคราวเข็นฯ


(๑๖๐)๏ โพพญาท่าตลิ่งล้วน ฬ้อเกวียร
โพไผ่ไม้เต็งตเคียน ตขบบ้าง
ซิกซากกระบากกระเบียน กระเบากระแบก กระบกแฮ
เสลาสลอดสลับสล้าง เหล่าไม้ใกล้กระสินฯ


บทที่ ๑๖๐ หมายถึงบ้านโพธิ์พระยา


(๑๖๑)๏ บ้านซ่องช่องชวากเวิ้ง เซิงหวาย
เหล่าที่หนีมุนนาย เนิ่นช้า
ซ่องสุมซุ่มเรือนราย ริมกับ เกรี่ยงแฮ
ใครจับกลับรุมข้า ขัดข้องซ่องหลวงฯ


บทที่ ๑๖๑
วรรคที่สาม เกรี่ยง = กะเหรี่ยง
วรรคที่สี่ ข้า = ฆ่า

(๑๖๒)๏ บางมดแดงแขวงเขตคุ้ง ทุ่งไพร
ถิ่นเถื่อนเรือนรำไร ไร่กล้วย
นึกมดอดสูใจ จงมม่วง หวงแฮ
เพียงพี่หมีมอดม้วย ไม่สริ้นถวิลหวังฯ


(๑๖๓)๏ วังยางค่างคุ้งสะล่าง ยางยูง
โตล่งตลิ่งยิ่งยูงสูง ฉโงกง้ำ
นกแลแต่ลฝูงลฝูง ฟุบสพั่ง รังเอย
ร่มรื่นชื่นชายน้ำ นั่งเหล้นเย็นสบายฯ


(๑๖๔)๏ ถึงบ้านตาลเสี้ยนร่ำ ทำตาล
ไต่ผโองโหญ่งโย่ทยาน ย่างเก้า
หน้าหัวเราะเพราะรักหวาน หวังใคร่ ได้ฤา
เพียงพี่นี้แฝงเฝ้า ใฝ่น้ำคำหวานฯ


ผโอง หรือ ผะอง เป็นไม้ตรงๆ ยาวๆ ท่อนหนึ่ง
ขัดด้วยไม้เล็กๆ หลายๆ ชิ้น ดูคล้ายบันได
ใช้ไต่ต้นตาลหรือต้นมะพร้าว

(๑๖๕)๏ ว่างบ้านย่านน้ำเปลี่ยว เหลียวแล
ตลิ่งสูงฝูงรอกแต ไต่ไม้
กรวยกร่างค่างเคียมแค ข่อยกทุ่ม กุ่มเอย
ลมป่วนหวนหอมให้ ลเหี่ยลห้อยหงอยเหงาฯ


(๑๖๖)๏ จวบจนชนบทบ้าน ศรีจัน
ท่าลาดหาดเกิดกัน แก่งตื้น
เรือนตั้งฝั่งเรียงรัน โรงเหล็ก เจ๊กเอย
คนภู่ดูครึกครื้น ค่ามช้างต่างเกวียนฯ


(๑๖๗)๏ จวนเย็นเห็นแห่งบ้าน ด่านขนอน
หาดใหญ่ไทยเจ๊กมอญ มี่บ้าน
จอดเรือเมื่อเย็นรอน ริมหาด สอาดเอย
ร้องว่าอาศัยร้าน ร่มไม้ใกล้เรือฯ


(๑๖๘)๏ เจ้าของร้องรับให้ ได้การ
หนุ่มหนุ่มชุ่มชื่นบาน บ่เศร้า
ขึ้นฝั่งนั่งสำราญ ร้านใต้ ไทรเอย
สาวรุ่นวุ่นเวียนเฝ้า ฝั่งน้ำชำเลืองฯ


(๑๖๙)๏ ลูกเอยเฉยเช่นปั้น ปูนขาว
สาวเพ่งเล็งหลบสาว สิ้นแล้ว
ปะเป็นเช่นพ่อคราว ครั้งหนุ่ม ชุ่มฤา
ตายราบลาภไม่แคล้ว คลาดช้านาทีฯ


(๑๗๐)๏ ลูกลาวสาวรุ่นน้อง ทักทาย
เรือพี่มีสิ่งขาย ค่อยไหว้
ลูกเราเหล่าหนุ่มอาย แอบเด็ก เล็กแฮ
สอนกระสาบตาบให้ ว่าซื้อหรือจำฯ


บทที่ ๑๗๐
ค่อย = ข้อย
กระสาบ = กระซิบกระซาบ

(๑๗๑)๏ หนูพัดพลัดพลอดล้อ เลียนสาว
มีหมากอยากสู่สาว ซิ่นแล้ว
ป่านเจ้าเค่าเหนียวขาว ขายมั่ง กระมังแม่
ตาบฮ่ามถามหาแห้ว แห่งนี้มีฤาฯ


บทที่ ๑๗๑
ฮ่าม = ห้าม

(๑๗๒)๏ ลาวไปไทยพี่น้อง มองเมียง
มืดค่ำทำร่ายเรียง เราะร้าน
กลั่นชุบอุบอิบเอียง กแอมแอบ แยบเอย
ขอหมากปากสั่นสท้าน ทดท้อย่อหญิงฯ


(๑๗๓)๏ ราตรีพี่น้องอ่อน เอนดู
ขันใหญ่ใส่หมากพลู นาบให้
แห้วเลือกเผือกถั่วภู พัดรับ กลับแฮ
จสั่งมั่งไม่ได้ เดือดหน้าด่าตีฯ


(๑๗๔)๏ ดึกลาวสาวรุ่นกล้า มาเดียว
ให้กระเช้าเข้าเหนียว นั่งใกล้
ถอยหลีกอีกบ่อเหลียว เลยลูก กูเอย
กลั่นรับกลับจุดไต้ ตอบโต้โมทนาฯ


(๑๗๕)๏ บูราณท่านว่าเลี้ยง ลูกสาว
มันมักหักรั้วฉาว เช่นพร้อง
หนุ่มชายฝ่ายรุ่นราว รักขะยั่น พรั่นแฮ
ลูกโง่โซแสบท้อง บ่อรู้สู่สาวฯ


(๑๗๖)๏ ครั้นช้าวสาวสบหน้า ลาสาว
จากขนอนอ่อนหนาว หนุ่มเศร้า
คราวได้ไม่โลมลาว ลองซู่ ดูแฮ
ครั้นลับกลับรฤกเหล้า ลูกโหง้โซสาวฯ


(๑๗๗)๏ เอนดูหนูพี่น้อง สองสาว
คิดใคร่ได้เลี้ยงลาว ลูกสไภ้
แต่ลูกผูกรักชาว วังเล่า เจ้าเอย
จเจ็บเล็บเขาไว้ ข่วนร้ายคล้ายเสือฯ


(๑๗๘)๏ บางกระพุ้งคุ้งน้ำเปลี่ยว เหลียวแล
บนบกนกซอแซ แซ่ซ้อง
เห็นนกกกคู่แด ดานลฦก นึกเอย
เหมือนอยู่คู่เคียงน้อง แนบเนื้อเหลือสนอมฯ


(๑๗๙)๏ บ้านใหม่ไร่ฝ่ายสพรั่ง ฝั่งชลา
ฟ่ายออกดอกขาวดา เด่นช้อย
เนื้อนุชสุดโสภา เพียงฟ่าย ไร่เอย
ชมฟ่ายคล้ายผิวสร้อย สวาดิเนื้อเหลือนวลฯ


(๑๘๐)๏ ถึงย่านบ้านกร่างเวิ้ง วาริน
เกิดแก่งแหล่งเหวหิน ฮ่วงคุ้ง
ปล่องน้ำท่ำกุมภิน พวกเงือก เลือกแฮ
ยามเปลี่ยวเสียวทรวงสดุ้ง ด่วนพ้นวลวังฯ


(๑๘๑)๏ บ้านไร่ไทเจ๊กตั้ง ทั้งทวาย
กล้วยไข่ไร่เรียงราย เรียกซื้อ
ตกเครือเรื่อเรืองปลาย ปลีสลับ ปกับแฮ
เฟื้องหนึ่งถึงสี่มื้อ หมดรื้อซื้อเสมอฯ


(๑๘๒)๏ วังปรานบ้านเว้นว่าง วางเวง
สองฝั่งวังเสือเกรง เกรียบฉม้อย
นายรอดทอดท้ายเพลง พลอยหนุ่ม ชุ่มเอย
ป่าใหญ่ไม้ชื่นช้อย ชุ่มฉ้อออรชรฯ


(๑๘๓)๏ บางม่วงห้วงหาดตื้น ติดเรือ
ทรายเกลี่ยเรี่ยรอยเสือ ซับซ้อน
ซึ้งซึกพฤกษครุมเครือ ค่างโครก โฮกแฮ
โปรยแต่ใบไม้หว้อน วิ่งร้องพองขนฯ


(๑๘๔)๏ ลูกค่างอย่างย้อมชาติ ชมภู
เหลืองอ่อนโอ้เอนดู เด็กน้อย
แม่อุ้มชุ่มชื่นชู ชมลูบ จูบเอย
กอดแอบแนบอกห้อย หกโน้มโถมทยานฯ


(๑๘๕)๏ ย่านซื่อชื่อว่าบ้าน ย่านยาว
เหนแต่ชุมนุมลาว ล่อนโล้ง
ลากอวนส่วนหนุ่มสาว เสียงแซ่ แม่เอย
เท่าแก่แลโล้งโต้ง ต่างหล้อนห่อนอายฯ


(๑๘๖)๏ อ้างว้างกลางน้ำร่ม ลมโชย
ลิงค่างครางครวนโหย โห่ร้อง
กระเบาออกดอกร่วงโรย รศรื่น ชื่นเอย
หึ่งหึ่งพึ่งเพียงฆ้อง ย่ำเถี้ยงเสียงกระหึมฯ


(๑๘๗)๏ ยนย่านศารปู่เจ้า จอมไพร
ปลาคล่ำน้ำซึ้งใส สอาดสอ้าน
งูเหลือมเลื่อมเลือกไคล คลานกลิ่ง ตลิ่งแฮ
โตเท่าเสาเรือนกว้าน กวาดน้ำดำปลาฯ


บทที่ ๑๘๗
ศารปู่เจ้า คือศาลปู่เจ้า
ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์

(๑๘๘)๏ ติดตื้นขืนถ่อค้ำ เขนเรือ
บนบกรกรังเสือ ซอกซุ้ม
นำงูฟู่เลื้อยเหลือ หลีกยาก หลากแฮ
ศักครู่ดูควันกลุ้ม กลบข้างทางจรฯ


(๑๘๙)๏ เดกเหนเช่นมนุษหนั้ง หลังงู
แวววับคลับคลายฟู ฟ่องเฟื้อย
รู้ชัดจัดหมากพลู พลีปู่ เจ้าเอย
งูกระเพื่อมเลื่อมเลื้อย หลีกคล้ายหายสูรฯ


(๑๙๐)๏ เรือคล่องล่องเลี้ยวเลื่อน เคลื่อนคลา
ถึงย่านบ้านกลวยเวลา บ่ายคล้อย
กล้วยไข่ไร่รื่นรดา ดกเรื่อ เครือเอย
หล่างแห่งแปลงปลูกอ้อย แอบกล้วยสลวยลำฯ


(๑๙๑)๏ ถึงช่องคลองน้ำซับ ซ้ายมือ
เกิดแร่แง่งอกครื ครืดท้อง
ผู้เท่าเล่าเลื่องฦา เหล็กที่ ดีเอย
ครึคระระเรือต้อง ติดตื้นขืนเขนฯ


(๑๙๒)๏ บ้านว่าขวาซ้ายค่าง ทางจร
หินแร่แลสลับสลอน ฦกซึ้ง
เรือนตั้งฝั่งสาคร คนเงียบ เสียบเอย
ปลาคล่ำน้ำไหลอึ้ง แอบคุ้งมุ่งทางฯ


(๑๙๓)๏ วังหินถิ่นเถื่อนกว้าง ยางยูง
สมอแสมสารสูง สดฉุ้ม
หว่างไผ่ไก่เถื่อนฝูง ฟุบเขี่ย เรี่ยเอย
เด็กใคร่ได้ไก่อุ้ม แอบขึ้นครึนรายฯ


(๑๙๔)๏ ไก่เถื่อนเหมือนจฬ้อ ก้อกพือ
เด็กย่องด่องดีดมือ มุ่งหน้า
เข้าใกล้ไก่เปรียวปรื๋ ปร๋อร่อน ว่อนแฮ
เด็กโดดโลดไล่คว้า ไคว่ขว้ำขะมำมอมฯ


(๑๙๕)๏ ลงเรือเหื่ออาบหน้า หนูเอย
อย่าไล่ไก่เลยเชย ช่อไม้
ดอกดวงร่วงรื่นรเหย หอมกลิ่น รรินแฮ
เก็บศักห่อพ่อได้ เด็จร้อยสร้อยสนฯ


(๑๙๖)๏ ย่านยาวลาวตั้งกลาด หาดทราย
แล่ผ่าปลาฉแวงสวาย แหวะท้อง
ย่างไฟใส่ซ่าราย เรียงนั่ง สพรั่งเอย
พวกหนุ่มสุ่มเรือร้อง เจียรน้อฬ้อลาวฯ


(๑๙๗)๏ ถึงวนก้นหวดห้วง หินแลง
แร่เกลื่อนเหมือนซิงแขง ค่างคุ้ง
ตำราว่าทองแดง เดกต่อย ย่อยแฮ
พรายพร่างอย่างศรีรุ้ง รอดชี้ที่แถลงฯ


บทที่ ๑๙๗
รอด หมายถึงนายรอด คนนำทาง

(๑๙๘)๏ ตวันเยนเหนพยัฆด้อม ดื่มชล
โห่ขับกลับโฮกคน เคี่ยวโง้ง
ขึ้นตลิ่งวิ่งคำรน เราะไล่ ใกล้แฮ
ทังขู่ภู่เมียโขร้ง คร่างร้องก้องกระหึมฯ


บทที่ ๑๙๘
ทังขู่ภู่เมีย หมายถึงทั้งคู่ตัวผู้และตัวเมีย


(๑๙๙)๏ นายรอดสอดรู้เท่า เหล่าเสือ
มักกัดสัตกินเหลือ ละไว้
มันหวงล่วงไล่เรือ รอดแนะ แวะแฮ
หนูหนุ่มกุมมีดไม้ มุ่งแย้งแทงเสือฯ


(๒๐๐)๏ โห่ร้องซ้องแส้ป่า กล้าหาน
เสือวิ่งยิ่งทเยอทยาน หยักรั้ง
ตามทางห่างฝั่งประมาณ สองเซ่น เหนแฮ
ได้แต่เนื้อเหลือทั้ง ท่อนท้ายชายโครงฯ
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top