Latest News

Wednesday, July 22, 2009

นิราศสุพรรณ ๒๕๑-๓๐๐

(๒๕๑) ๏ หมากพลูบูหรี่ส้ม ขนมขนุน
สาวหนุ่มรุมการุญ รักให้
ผูกมิตรคิดขอบคุณ คนเท่า สาวเอย
ทุกโศกโรคอย่าได้ เดือดร้อนนอนสบายฯ


(๒๕๒) ๏ จากย่านบ้านกระตั้วแต่ แลดู
ศรรักปักทรวงหนู เหน็บช้ำ
รักป่าน่าชื่นชู ชมเล่า เจ้าเอย
ดูถูกลูกปลายน้ำ หนุ่มต้องหมองหมางฯ


(๒๕๓) ๏ น้อยน้อยพลอยว่าน้ำ ลำสุพรรณ
สาวแก่แลคมสัน สะคร้าน
ดูมากว่าสิบวัน ตลอดแว่น แคว้นเอย
ไรจุกทุกทุกบ้าน บ่อเว้นเห็นสาวฯ


(๒๕๔) ๏ บูราณท่านว่าน้ำ สำคัน
ป่าต้นคนสุพรรณ ผ่องแผ้ว
แดนดินถิ่นที่สูพรรณ ธรรมชาด มาศเอย
ผิวจึ่งเกลี้ยงเสียงแจ้ว แจ่มน้ำคำสนองฯ


(๒๕๕) ๏ ถึงถิ่นสริ้นบ้านป่า โป่งแดง
เรือติดคิดขยาดแสยง พยัฆร้าย
สวบสวบยวบไม้แฝง ฟุ้งสาบ วาบแฮ
สองฝั่งทั้งขวาซ้าย สัตร้องซ้องเสียงฯ

(๒๕๖) ๏ คลองกระเสียวเปลี่ยวป่ากว้าง ทางโขลง
เคยถิ่นกินโป่งโทง เที่ยวเร้น
ขามช้างต่างจัดโจง กระเบนกระบิด ตี๊ดแฮ
เก็บกรวดอวดกันเหล้น ตลอดน้ำลำทางฯ


(๒๕๗) ๏ คุ้งขวางบางแวกตื้น พื้นทราย
กรวดกระจ่างพร่างพรายลาย เลื่อมพร้อย
เหมือนเม็จเพชรัตราย แอร่มอร่าม งามเอย
ฉุนว่าแววแก้วก้อย นพเก้าวาวแหวนฯ


(๒๕๘) ๏ กระเบาออกดอกรยับย้อย ห้อยหอม
พึ่งหมู่แมงภู่ตอม ไต่เคล้า
ว่าสุกลูกงามงอน เงาะป่า พวาเอย
กระทุ่มกระถินกลิ่นเร้า รื่นข้างทางจรฯ


(๒๕๙) ๏ รินรินกลิ่นเฟื่องฟุ้ง คลุ้งโขลง
ป่านอกดอกสำโรง ร่วงค้าง
เหล่าลูกผูกเรือฉโลง ลากวิ่ง จริงแฮ
เหมนเช่นเหมนชื่ออ้าง อีกล้ำสำโรงฯ


(๒๖๐) ๏ ถึงหว่างยางพี่น้อง สองยาง
เก่าแก่แต่ก่อนปาง ป่าต้น
เกิดแร่แง่งอกขวาง ขวากระ รกะแฮ
ถูกปวดรวดเร้าล้น สะล่างแหร้แง่สลอนฯ

สะล่างแหร้ = สล้างแร่

(๒๖๑) ๏ ปลายน้ำลำคุ้งแขบ โขดเขิน
ขดค่องต้องติดพเอิญ แอ่งตื้น
จอดสองพี่น้องเพลิน พลองสะล่าง ยางเอย
ชื่นชุ่มพุ่มพฤกษครื้น คร่อมน้ำลำลหาลฯ


(๒๖๒) ๏ ปลาดเหลือเรือหนุ่มน้อย ลอยพาย
ถึงหว่างต้นยางตาย ตกน้ำ
ช่วยฉุดสุดชีพทลาย ทลักเลือด เฝือดแฮ
เมียแม่แซ่มาปล้ำ ปลุกร้องซ้องเสียงฯ


(๒๖๓) ๏ ถามเขาเล่าว่าอ้าย ฟักเฟือน
ตีแม่แร่ลงเรือน ร่านร้าย
เจ้าสองพี่น้องเหมือน มุ่งปราบ บาปแฮ
โพล่งผลักหักคออ้าย ฝักม้วยด้วยกรรมฯ


(๒๖๔) ๏ ชาวป่าภาศภเศร้า สู่สถาน
เราเปลี่ยวเหลียวเหนศาล สองพี่น้อง
อารักศักสิทชาน เชี่ยวช่วย ด้วยเอย
โป่งป่าอย่าแผ้วพ้อง พวกข้าอาไศรยฯ

ศักสิทชาน = ศักดิ์สิทธิ์ชาญ

(๒๖๕) ๏ สรวงจ้าวพร้าวอ่อนกล้วย ด้วยเอย
เชิญพี่น้องสองเสวย สว่างร้อน
แรกมาอย่าถือเลย ลุกระโทษ โปรดพ่อ
ขอแร่แม่เก็จก้อน กับเต้าเจ้ายางฯ


(๒๖๖) ๏ หนูน้อยพลอยร้องบ่วง สรวงศาร
เสียงฉ่ำน้ำนมหวาน แววก้อง
เบิกป่าท่าเทวถาน ถูกท่วน ขบวนเอย
หนุ่มรับสรัพเสียงซ้อง เสนาะซ้อนกลอนในฯ


(๒๖๗) ๏ เทียรจุดขุดแร่หลั้น ควันเขียว
พลุ่งพลุ่งมุ่งดูประเดียว ดุ่มคล้าย
หนุ่มเหนเช่นลิงเหลียว เลื่อนกลับ ลับแฮ
ฟุ้งพิศฤทธิแร่ร้าย รู้เถ้าเจ้าหวงฯ


(๒๖๘) ๏ เหมือนครูผู่เท่าแจ้ง แหนงใจ
รอขุดจุดเทียรไชย เช่นรู้
ดับพิศฤทธิพระไพร พรมสมุท อยุดแฮ
เดี๋ยวหนึ่งอึ่งอู้อู้ อ่อนไม้ใหญ่รเนนฯ


(๒๖๙) ๏ ลมลั่นครั่นครึกฟ้า หนาฝน
ซู่ซู่หนูวิ่งวน ว่าช้าง
เทียรดับกลับมืดมน เหมนเบื่อ เสือเอย
จวนค่ำจำอยุดค้าง คิดแก้แร่โพรงฯ

(๒๗๐) ๏ ขอนเรือเหนือน้ำนึก น้อยใจ
คราวเคราะเพราะพระไพร พี่น้อง
ขัดพระจเชิญไฟ ฟอนซู่ รู้ฤๅ
ทุ่งท่าป่าจะต้อง โตล่งสริ้นถิ่นสถานฯ


(๒๗๑) ๏ เราถือซื่อสัจสร้าง ศีลทาน
แล่งล่าฟ้าดินพญาน ย่อมรู้
หวังแร่แต่บูราณ ระงับโศก โลกเอย
จ้าวคิดปิดของขู้ มนุษนั้นฉันใดฯ

แล่งล่า = แหล่งหล้า

(๒๗๒) ๏ ดึกสงัดสัตสงบคลุ้ม พุ่มพง
เยนรย่อบริเวณวง หว่างไว้
เคลิ้มหลับคลับคล้ายองค์ อารัก ทักแฮ
เหนสพรั่งนั่งไหว้ ว่าฬ้อขอสะมาฯ


(๒๗๓) ๏ รูปจ้าวสาวหนุ่มล้วน นวลงาม
สองพี่มีเป็นสาม ทั่งน้อง
เรียกสองพี่น้องนาม น้องพี่ มีเอย
สามแน่แต่คำพร้อง พี่น้องสองชายฯ


(๒๗๔) ๏ เล่าความตามเรื่องแหร้ แต่หลัง
ใช่คิดบิดเบือนบัง บอกแจ้ง
ขัดเคราะเพราะยุกยัง อยู่อย่า มาเลย
กายสิทพิศกล้าแกล้ง กลบกลุ้มคลุ้มควันฯ


(๒๗๕) ๏ รู้ศึกนึกเรื่องเจ้า เล่าความ
ทราบหมดจดหมายตาม แต่งไว้
โออกตกอับยาม ยุกยาก มากเอย
บุญบวดกรวดกระสินให้ แห่งเจ้าเล่าความฯ


(๒๗๖) ๏ เหมือนรู้ผู่เถ้าเล่า จ้าวแถลง
สามอย่างต่างลายแทง ถูกต้อง
ใคร่เหนเช่นชี้แจง เจ้าบอก ดอกแฮ
ค้างย่านศารพี่น้อง พนัศร้ายหายสูรฯ


(๒๗๗) ๏ รุ่งเช้าเข้าป่ากว้าง ทางโขลง
คลองเก่าเท่าลำกระโดง โป่งช้าง
ซ้ายขวาป่าสมอโมง ไม้อุโลก โมกเอย
กระแบกกระเบาเสลาสล้าง สลับต้นคนทาฯ


(๒๗๘) ๏ ตามร่องคลองที่เจ้า เล่าความ
เด็ดดอดลอดลัดตาม ติดท้าย
เลี้ยวลดปลดปลิดหนาม หน่อคลอก ออกแฮ
เสียงแต่เนื้อเสือร้าย ร่านร้องก้องกระหึมฯ


(๒๗๙) ๏ สุดคลองหนองหนึ่งกว้าง อย่างแถลง
ที่ถิ่นดินดาดแดง ดุจพร้อง
สังเกตเขดขอบแขวง ความที่ ชี้เอย
ขึ้นค่างทางขวาท้อง ทุ่งช้างวางเวงฯ


(๒๘๐) ๏ ภบถ่อบ่อแร่น้ำ ดำนิล
เหมือนหมึกปึกปะดิน เดกคุ้ย
ปะแต่แร่ปรอดกิน แก่นเท่า เจ้าเอย
เนื้อมั่งยังขยี้หยุ้ย ยกไว้ไปแสวงฯ


(๒๘๑) ๏ ตัดทางหว่างต้นโตนด โขดสูง
เนื้อแยกแตกตื่นฝูง ฝุ่นฟุ้ง
แฝงดูหมู่นกยูง ยอบย่อง มองเอย
พรายพร่างอย่างศรีรุ้ง อร่ามเพี้ยนเขียนซนฯ


(๒๘๒) ๏ รำแพนแอ่นอกฉะแง้ แผ่หาง
หันร่ายฝ่ายฝูงนาง นกเคล้า
ตัวผู่อยู่กลางกาง กลมปีก หลีกเอย
ก้อกรีดขีดเขี่ยเท้า ท่าฟ้อนอ่อนเอียงฯ


(๒๘๓) ๏ ด้อมดูหมู่มยุรย้าย ร่ายรำ
เยี่ยงย่างนางรบำทำ ท่าฉะม้าย
เคยดูคู่เคียงรบำ รเบงกลับ ลับเอย
เหนแต่ฝูงยูงคล้าย นุชฟ้อนงอนงามฯ


(๒๘๔) ๏ ฝ่ายฝูงยูงบ่อรู้ สู่สม
สังวาดชาติเช่นพรม พระพร้อง
ตัวภู่ฟู่ฟองกลม เมียชื่น กลืนแฮ
เกิดไข่ได้พวกพ้อง เพื่อส้องฟองกสินฯ


(๒๘๕) ๏ หนุ่มหนูพรูไล่พร้อม ล้อมยูง
ปีกกระพือฮือฝูง ฟ่องฟ้า
ตานโดดโขดทรายสูง สมเล่า เจ้าเอย
เหนรอบขอบเขดหน้า สนุกแท้แลเพลินฯ


(สรล้วน)

(๒๘๖) ๏ เขาเขียวโขดคุ่มขึ้น เคียงเคียง
ร่มรื่นรุกขรังเรียง เรียบร้อย
โหมหัดหิ่งหายเหียง หัดหาด แฮ่วแฮ
ย่างใหญ่ยอดยื่นย้อย โยกโย้โยนเยนฯ



(๒๘๗) ๏ เลี้ยวทางหว่างช่องไม้ ไผ่เหลือง
ปะแต่แร่กรัดเรือง ร่วงรุ้ง
ย่องเหยียบเลียบลำเหมือง ไม้ชื่น รรื่นเอย
หอมกระถินกลิ่นฟุ้ง เฟื่องฟื้นชื่นใจฯ


(๒๘๘) ๏ สุดเหมืองเยืองขึ้นค่าง หว่างเนิน
ล้วนแร่แก่เก่าเกิน เก็บทิ้ง
พลวงเหล็กเด็กสดุดเดิน กระโดดค่าม ตามแฮ
ชมเล่นเหนเกลื่อนกลิ้ง กลาดสล้างอย่างฝันฯ


(๒๘๙) ๏ ลงเนินเดินป่ากว้าง วังเวง
ลมลั่นครั่นครืนเครง ครึกครื้น
ควายเถื่อนเกลื่อนกลุ้มเกรง เกรียวโห่ โร่แฮ
ป่าใหญ่ไม้ร่มชื้น ช่อช้อยย้อยไสวฯ


(๒๙๐) ๏ พิศพวงดวงดอกไม้ ไพรพนม
รยับรย้าน่าชม แช่มช้อย
ม่วงโมกโศกสุกกรม กรวยกร่าง สล้างเอย
ดอกดกนกน้อยน้อย เหนี่ยวไซ้ไส้เพกาฯ


(๒๙๑) ๏ ดูเดียวเปลี่ยวอกอ้าง ว้างเอย
คิดใคร่ได้คนเคย คู่ชี้
คลอเคล้าเฟ่าชื่นเชย ชมนก หกแฮ
ถามไถ่ได้กระจู้กระจี้ กระแจะแต้มแก้มหอมฯ

(ราชสีห์เทียมรถ)
(๒๙๒) ๏ ยนโศกยามเศร้ายิ่ง ทรวงเยน
คิดสุดขัดแสนเขน โศกไข้
หวนหนาวหากนึกเหน หน้าแห่ง น้องแฮ
ดวงจิตเด็จจากได้ จึ่งดิ้นจำโดยฯ


(๒๙๓) ๏ เสลาสลอดสลับสล้าง สลัดได
สอึกสอะสอมสไอ สอาดสอ้าน
มแฝ่มฟาบมเฟืองมไฟ มแฟบมฝ่อ พ่อเอย
ตขบตขาบตเคียนตคร้าน ตคร้อตไคร้ตเคราตครองฯ


(๒๙๔) ๏ ถึงธารบ้านเกรี่ยงร้าง กลางดง
ไร่ฟ่ายหมายมั่นคง คิดค้าง
รอนรอนอ่อนอัศดง แดดพยับ ลับเอย
ภักผ่อนนอนเรือนห้าง ก่อให้ไฟโพลงฯ


(๒๙๕) ๏ เหล่าลูกถูกส้มทับ พลับจีน
หักฮ่างต่างหัดปีน คล่องแขล้ว
เหนื่อยนอนอ่อนมือตีน ต่างรงับ หลับเอย
ดึกดื่นฟื้นฟังแหว้ว วิเวกวิ้วหวีวโหวยฯ


(สกัดแคร่)
(๒๙๖) ๏ หนาวลมห่มผ้าห่อน หายหนาว
ฟ้าพร่ำน้ำค้างพราว พร่างฟ้า
เด่นเดือนเกลื่อนกลาศดาว ดวงเด่น
ใจเปล่าเศร้าซบหน้า นึกน้องหมองใจฯ


(๒๙๗) ๏ ไร่เกรี่ยงเสียงหลอดโหร้ โหร่เสียง
โหว่งโหว่งโรงรายเรียง รับพร้อง
หว่างไม้ไก่ขันเคียง เสียงเอ่ก อี๋เอ้กเอย
ยามดึกนึกนุชน้อง นิ่งเศร้าเปล่าทรวงฯ


(๒๙๘) ๏ จังหรีดกรีดกริ่งร้อง ซ้องเสียง
แหร่แหร่แม่ม่ายเรียง รับซ้อง
จักกจั่นสนั่นสำเนียง เสนาะเรื่อย เฉื่อยเอย
ผี่ผิวหวิ่วโหวกร้อง รอบข้างวางเวงฯ


(๒๙๙) ๏ ค่อนคืนดืนดึกแท้ แม่เอย
เกรี่ยงไร่กระไรเลย ล่าเนื้อ
ด่องด่องย่องเหยาะเงย ฉโงกฉะงัก ทักแฮ
ปลุกหนุ่มกุมขวานเงื้อ ผงะร้องซ้องเสียงฯ


(๓๐๐) ๏ ถามไถ่ใช่เหล่าร้าย กรายมา
พูดเล่นเป็นคนชรา รักใขร้
ถามชี้ที่ว่านยา รยะย่าน บ้านเอย
ชื่อกวั่งสั่งซ้ำให้ แวะเข้าเย่าเรือนฯ
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top