Latest News

Wednesday, July 22, 2009

นิราศสุพรรณ ๒๐๑-๒๕๐

(๒๐๑) ๏ รอดรัดมัดเชือกกลุ้ม หนุ่มหาม
ถึงที่เรือเสือตาม ติดก้น
จากท่าป่าเปลี่ยวขาม ขยาดพยัฆ นักพ่อ
ถ่อถี่หนีเสือพ้น พี่ให้ใจหายฯ


(๒๐๒) ๏ บูรานท่านว่าล้วง คอเสือ
เหล่าลูกถูกตำราเหลือ เหล็กกล้า
เช่นพ่อก็กลืนเกลือ กลั้วเค่า เจ้าเอย
ชิงเหยื่อเสือต่อหน้า นึกคร้ามขามแขยงฯ

(๒๐๓) ๏ วังฉลามยามสูริยเยื้อง เย็นรอน
เสียงสุนัขไนหอน เห่าเนื้อ
ลิงค่างต่างโหวยวอน วิเวกวาบ สาบเอย
เผาะเผาะเราะรกเรื้อ เรียดข้างทางจรฯ


(๒๐๔) ๏ มืดค่ำจำจอดค้าง หว่างไพร
หนุ่มหนุ่มสุมฟืนไฟ ฝั่งน้ำ
เนื้อย่างค่างเครื่องใน หมูแบ่ง แกงแฮ
เนื้อสดรสอร่อยล้ำ กระหลบฟุ้งคุ้งแหลมฯ


(๒๐๕) ๏ นอนค้างกลางหาดตื้น ตลิ่งสูง
นิ่งนั่งฟั่งฟานฝูง มฤคฆร้อง
เงาไม้ใหญ่ยางยูง เยนเยียบ เงียบเอย
เผาะเผาะเราะป่าต้อง ตวาดซ้ำร่ำไปฯ


(๒๐๖) ๏ เกือบหลับกรับเกรียบไม้ ไต้เหนือ
คุ่มคุ่มดุ่มตามเรือ รอบข้าง
ปลุกหนุ่มรุมโห่เสือ สวบโขยด โดดแฮ
เด็กด่าคว้าฟืนขว้าง ก่อให้ไฟโพลงฯ


(๒๐๗) ๏ เสือชุมหนุ่มแน่นหนั้ง รวังไฟ
ดึกยิ่งวิ่งเวียรไว แวดล้อม
จำเปนเซนพระไพร เพราะเหญื่อ เสือแฮ
ตัดตับกับเนื้อพร้อม พร่ำตั้งสังเวยฯ


(๒๐๘) ๏ เยนเยียบเงียบสงัดเงื้อม เงาครึม
อารักศักสิทพึม พุ่มไม้
ทิ้งทูตพูดงึมงึม เงี่ยง่วง ทรวงเอย
จังหรีดกรีดกริ่งให้ ลเหี่ยเศร้าหาวนอนฯ


(๒๐๙) ๏ ดึกดื่นฝืนเนตรหนั้ง ฟังเสียง
แม่ม่ายลองไนเรียง แหร่ร้อง
รฦกแต่แม่ม่ายเวียง สวาดิว่าง ค้างเอย
เปนม่ายร้ายนักน้อง จต้องลองไนฯ


(๒๑๐) ๏ หนุ่มหลับคลับคล้ายเลื่อม แลเหน
เจ้าป่าหน้าปากเปน พยัฆร้าย
ขี่แรดแผดเสียงเยน ขยอกเหยื่อ เนื้อเอย
ร้องว่าลาแล้วคล้าย เคลือบเข้าเงาหายฯ


(๒๑๑) ๏ ยามสามยามสงัดไม้ ไพรพนม
พร่ำพร่ำน้ำค้างพรม พร่างพร้อย
เยนเยียบเงียบสงัดลม แลตล่ง ดงเอย
ไม่นิ่งกิ่งก้านช้อย ชื่นฉุ้มพุ่มพกาฯ


(๒๑๒) ๏ ค่อนรุ่งฝุงไก่แจ้ แจ้วเสียง
เอ๊กเอื่อยเฉื่อยสำเนียง เนื่องซ้อง
เรไรร่ายร้องเรียง รับแซ่ แม่เอย
เพียงรนาดพาดฆ้อง แข่งเจ้งเพลงจีนฯ


(๒๑๓) ๏ เกือบรุ่งฟุ้งกลิ่นเกลี้ยง เพียงสุคน
หึ่งหึ่งพึ่งเวียรวล ว่อนเคล้า
มาลีคลี่กลีบบน บานกลิ่น รรินเอย
ยิ่งรุ่งฟุ้งหอมเร้า เร่งให้ใจเจริญฯ


(๒๑๔) ๏ รื่นรื่นชื่นเช่นน้ำ อบหอม
หวนจิตคิดเคยสนอม แนบน้อง
เจือจรรกลั่นกลิ่นรอม รวยรรื่น ชื่นเอย
เคยชื่นรื่นรศต้อง ตกไร้ไกลสมรฯ


(๒๑๕) ๏ เรืองรุ่งฝูงนกร้อง ก้องดง
เรียกเร่งรถสูริยง เยี่ยมฟ้า
ล่าป่าท่าน้ำจง เจริญศุข รุกขเอย
จากฝั่งพรั่งพร้อมหน้า หนุ่มน้อยพลอยเพลินฯ


(๒๑๖) ๏ ล่วงทางบางขวากคุ้ง เขดไพร
เหนแต่แร่รกไคล เคลือบคล้ำ
ซ้ายขวาป่าสูงไสว ว่างย่าน บ้านเอย
เด็กใคร่ไปปลายน้ำ สนุกแท้แควเหนือฯ

วรรคที่สอง
รก = ระกะ

(๒๑๗) ๏ นึกนามสามชุกถ้า ป่าดง
เกรี่ยงไร่ได้ฟ่ายลง แลกล้ำ
เรือค้าท่านั้นคง คอยเกรี่ยง เรียงเอย
รายจอดทอดท่าน้ำ นับฝ้ายขายของฯ

(๒๑๘) ๏ นางเกรี่ยงเสียงเพราะพร้อง กหนองกแหนง
สาวผูกลูกปัดแดง ประดับพร้อย
คิ้วตาน่านวลแตง ตลหม่อม จอมเอย
แค่งทู่หูยานย้อย อย่างลว้าพาคลายฯ

บทที่ ๒๑๘
ตล = ตละ - เหมือน, คล้าย
แค่ง = แข้ง

(๒๑๙) ๏ สามเพงเลงสะล่างไม้ ไพรสน
ป่าใหญ่ใช่เขดคน ขาดบ้าน
ร่มรื่นชื่นชมชล ซุ่มแต่ แร่เอย
ปลาว่ายสายสินสอ้าน สอาดตื้นพื้นทรายฯ


(๒๒๐) ๏ ปลาชนางคว้างแคว้งว่าย ลายแล
เลื่อมเลื่อมเล่ตุกแก กดิบกเดี้ย
ไข่ฉะนางอย่างฝักแค เขียวฉอุ่ม ชุ่มเอย
สร้อยซ่ากากดเพลี้ย พล่านน้ำคล่ำทางฯ


(๒๒๑) ๏ ไอ้บ้าอ้าปากกว้าง หางแดง
ซิวสูบสีเสียดแซง แซกซ้อน
กรีมกรายว่ายเวียรรแวง รวังม่าย หมายเอย
ฝักดาบปลาบเปลือยหล้อน แฉลบหว้ายสายสินธุ์ฯ


(๒๒๒) ๏ ปลาตเพียนเวียรว่ายเคล้า คลอเรือ
เกล็จเคลือบเหลือบเหลืองเหลือ เลื่อมพร้อย
ปลาเสือมุ่งเหมือนเสือ ส่ายโบก กโชกแฮ
หางไก่ใช่หางช้อย ชแล่มหว้ายร่ายเรียงฯ


(๒๒๓) ๏ นานาปลาน้ำถิ่น หินทราย
ชมเล่นเหนปลาดหลาย เล็กน้อย
ทางเปลี่ยวเที่ยวถึงปลาย น้ำเล่า เจ้าเอย
บนบกนกกระเตนกระต้อย ต้องร้องซ้องเสียงฯ

(๒๒๔) ๏ ถึงรวางว่างบ้านชื่อ ชัดหอม
หอนประดู่ปรูพยอม ยื่นย้อย
ดอกกระดึงพึ่งแตนตอม ต่อร่อน ว่อนแฮ
นกพริกจิกจับห้อย หกหิ้วพลิ้วแพลงฯ


(๒๒๕) ๏ ถึงแก่งแห่งท้ายย่าน บ้านทึง
หินแร่แก่เก่าตรึง กรวดก้อน
ลงเข็นเล่นน้ำอึง อาบชุ่ม หนุ่มเอย
เยนสบายหายร้อน เรื่อยร้องลองลำฯ

(๒๒๖) ๏ เอนหลังฟังดอกสร้อย สักระวา
ร้องรับขับเสภา เพื่อนพร้อม
ลำนำคร่ำครวนหา หวนเอก วิเวกเอย
ผอยหลับรับเสียงซ้อม เสนาะน้ำคำครวนฯ


(๒๒๗) ๏ หยุดเรือเหนือวัดเงื้อม เงาโพ
รื่นร่มรมยศุกโข ค่างคุ้ง
วัดมีที่พระอุโบ สดที่ กุดีแฮ
เหนพระศรทาหมุ้ง มั่นสร้างทางบุญฯ


บทที่ ๒๒๗
ค่าง = ข้าง
ศรทาหมุ้ง = ศรัทธามุ่ง

(๒๒๘) ๏ จัดแจงแต่งตบะเหลื้อม ลายทอง
เทียรทูบท่วยแก้วรอง ดอกไม้
ลูกพลับกับกระเทียมดอง ถวายคนะ พระเอย
ย่ามร่มสมภารได้ รับพร้อมน้อมถวายฯ

เทียรทูบท่วย = เทียน ธูป ถ้วย
เข้าใจว่าท่านต้องการเล่นอักษร "ท"

(๒๒๙) ๏ ตวันเยนเหบพระพร้อม ล้อมวง
ตีปะเตะตะกร้อตรง คู่โต้
สมภารท่านก็ลง เล่นสนุก ขลุกแฮ
เข่าค่างต่างอวดโอ้ อกให้ใจหายฯ


(๒๓๐) ๏ อยุดกระกร้อฬ่อไก่ตั้ง ตีอัน
ผ้าพาดบาดเหล็กพนัน เหน็บรั้ง
ไก่แพ้แร่ขบฟัน ฟัดอุบ ทุบเอย
เจ้าวัดตัดเรือตั้ง แต่งเหล้นเยนใจฯ


(๒๓๑) ๏ เสียเทียรเสียทูบซ้ำ เสียสัทา
เสียที่มีกระมลมา โนศน้อม
เสียดายฝ่ายศาสนา สัมนะ พระเอย
เสียน่าตาหูพร้อม เพราะรู้ดูเหน


(๒๓๒) ๏ จวนค่ำจำค้างย่าน บ้านทึง
ถอยหนีที่วัดอึง แอบคุ้ง
ตรวดน้ำร่ำรำพึง แผ่ทั่ว ตัวเอย
ให้เหล่าเจ้าป่าถุ้ง เทพสริ้นดินสวรรฯ


(๒๓๓) ๏ เหมือนรู้ผู่เถ้าท่าน ทังสอง
เมียนากนามผัวทอง ผ่องแผ้ว
มาหาพ่าขาวของ คำนับ รับเอย
ท่านช่วยอวยภรแล้ว เล่ารู้บูราณ


(๒๓๔) ๏ ฝ่ายตาอายุร้อย ญี่สิบแถม
ยายสิบแปดปีแกม กับร้อย
ตามองช่องเขมแหลม ตลอดแน่ แม่เอย
ฟันปากหมากเฆี้ยวจ้อย แจ่มอ้วนนวลขาวฯ


(๒๓๕) ๏ ผู้เถ้าเล่าเรื่องอย้าน บ้านทึง
ท้าวอู่ทองมาถึง ถิ่นถุ้ง
แวะขอเชือกหนังขึง เขาไม่ ให้แฮ
สาปย่านบ้านเขดคุ้ง คี่ทึ้งทึงแปลงฯ


(๒๓๖) ๏ วัดทร่างข้างคุ้งย่าน บ้านทึง
ชื่อชัดวัดคี่ทึ้ง ถูกต้อง
ผู่เถ้าเล่าเรื่องจึง จะแจ้ง แสดงเอย
ท่านนั่งสั่งสอนพร้อง พร่ำไว้ไม้ตรีฯ


บทที่ ๒๓๖
ไม้ตรี = ไมตรี

(๒๓๗) ๏ ได้ครูผู่เท่าทั้ง ยายตา
สมมุติดุจะเทวดา บอกเหล้า
ทายทักลักขณะรา ศรีทั่ว ตัวเอย
จอดน่าท่าผู่เถ้า ท่วนห้าราตรีฯ


(๒๓๘) ๏ ตวันเที่ยงเสียงวิ่งแหร้ แซ่สนอง
เสือตบขบภิขุสอง รูปม้วย
ต่อไก่ไล่นกคนอง นามเทศ เกดแฮ
เสือฟัดกัดกินด้วย บาปซ้ำกรรมหนาฯ


(๒๓๙) ๏ ต่อนกยกพเนียดตั้ง บังกาย
เสือฉีกซีกโครงทลาย ทลักท้อง
กินตับกับตโพกหาย เหนน่า ขาเอย
ภิขุทุศีลต้อง โทษนั้นทันตาฯ


(๒๔๐) ๏ ต่อไก่ไม่สู้ฟาด ขาดใจ
ที่อยู่ปู่เจ้าไป หลับเหล้า
เสือกินซิ่นตับไต ตีนน่อง ท้องแฮ
สังเวทเหตุผู่เถ้า ทักแท้แน่จริงฯ


(๒๔๑) ๏ สำเรจรู้ผู่เถ้าช่วย อวยภร
สิบประการประกอบกลอน กล่าวไว้
ขอสวัดสัฐาวอร ไว้ว่า ลาเอย
สองเท่าเฝ้าร้องไห้ ลเหี่ยลห้อยหงอยเหงาฯ


(๒๔๒) ๏ สงสารท่านสอื้นโอ้ โศกา
พลั่งพลั่งหลั่งน้ำตา ตกด้วย
หนูหนุ่มชุ่มชลนา นั่งเจ่า เหงาเอย
ร่ำว่าท่าไม่ม้วย ไม่สริ้นถวินหวังฯ


(๒๔๓) ๏ เรือออกนอกท่าบ้าน ท่านยาย
ย่อไว่ไห้สอื้นฟาย มูกย้อย
เชาบ้านท่านทังหลาย แลสลด หมดเอย
ไห้มั่งทังใหญ่น้อย นั่งผร้ำน้ำตาฯ


(๒๔๔) ๏ แลลับกลับกลั้นโศก สงสาร
หนุ่มน่อยพลอยรำคาร คิดเศร้า
ทังหลายฝ่ายบูราณ รักขู่ ชู้เอย
เราพรากจากผู่เถ้า ทุกร้อนห่อนเสบยฯ

(๒๔๕) ๏ ถึงย่านบ้านกระตั้วเหล่า เชาดง
โกนจุกลูกสาวทรง สอาดสอ้าน
เชิญด้วยช่วยแต่งมง คนเกริก ฤกษเอย
โกนจุกลูกเชาบ้าน อยู่ค้างกลางคืนฯ


(๒๔๖) ๏ ฟังติปี่พาดฆ้อง กลองตโภน
เพลงไทยใส่กลองโยน ยุ่งแท้
เด็กโดดโลดเล่นโขน แขนคอก ออกเอย
ร้องขับรับอ้อแอ้ อุบเหล้าเมามายฯ


(๒๔๗) ๏ เสียงซออออ่ออ้อ เอื่อยเพลง
จับปี่เตร๋งเต้งเตง เต่งต้อง
คลุยตรุ๋ยตรุ่ยตรุ้ยเหนง เหน่งเน่ง รนาดแฮ
ฆ้องหน่องหนองน่องหน้อง ผรึ่งพรึ้งพรึ่งตโภนฯ


(๒๔๘) ๏ สาวสาวเหล่าเลี้ยงเล่น เต้นรำ
ซองหมากฝากหนุ่มนำ เนตรชม้อย
โกนจุกลูกเล็กทำ ขวันเล่า เจ้าเอย
เนตรซู่หนูหนุ่มน้อย นั่งปลื้มลืมนอนฯ


(๒๔๙) ๏ บ่วงรักดักเด็กต้อง สองตา
เปิดปากฝากคำลา เหล่าน้อง
ลงเรือเมื่อจะคลา คลอเนตร ทเวทเอย
แก่เท่าสาวส่งซ้อง แซ่หน้าอาไลยฯ


(๒๕๐) ๏ บ่วงผูกลูกรักแล้ว แร้วราย
ดักพ่อท้อที่กาย แก่แล้ว
ห่อนอยู่ซู่สมรหมาย มัติโมฆ โอขเอย
แต่เหล่าเจ้าลูกแก้ว ก่อร้อนสอนแสลงฯ
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top