Latest News

Thursday, August 20, 2009

บทเห่กล่อม เห่เรื่องกากี

บทเห่กล่อม เห่เรื่องกากี


เรื่องกากี มีเค้ามาจากเรื่องในนิบาตชาดก ชื่อ กากาติชาดก ในชาดกเรื่องนี้ เรียก กากี ว่า กากาติ ชื่อ กากี
เป็นชื่อของหญิงสาวนางหนึ่งผู้มีโฉมสะคราญ และมีเหตุอันตรายแก่ตัวก็ด้วยความงามของนางนั้น
นางเป็นมเหสีของท้าวพรหมทัต ครั้งหนึ่งเมื่อพระยาครุฑมาเล่นสกากับท้าวพรหมทัต ได้แลเห็นนางและเกิดใคร่ได้ในตัวนาง
จึงลักพาตัวนางไปอยู่วิมานฉิมพลี
ท้าวพรหมทัตกลัดกลุ้มนัก คนธรรพ์ชื่อนาฏกุเวร ผู้เป็นพี่เลี้ยงท้าวพรหมทัต และทำหน้าที่ขับพิณถวาย จึงอาสาไปตามหาตัวนาง
โดยจำแลงกายแอบซ่อนในขนพระยาครุฑไปจนถึงวิมานฉิมพลี
แต่แล้วคนธรรพ์เกิดใคร่ได้ในความงามของนางเสียเอง นาฏกุเวรลอบอยู่ในวิมานฉิมพลีหลายเวลา
จึงกลับมาทูลท้าวพรหมทัตทรงทราบ
ท้าวพรหมทัตทราบเรื่องกลับพิโรธนางกากีนัก ว่าใจง่ายหลายชาย "ไปร่วมราชปักษีแล้วมิสา ซ้ำสมรสคนธรรพ์อันธพาล์"
ทรงประสงค์จะได้นางกากีคืนมาเพื่อลงทัณฑ์
นาฏกุเวรจึงออกอุบายจนได้นางคืนมา เมื่อท้าวพรหมทัตเห็นหน้า ก็ตรัสบริภาษต่างๆ ด้วยความน้อยพระทัย
แม้กากีจะทูลแก้ตัวอย่างไรก็ไม่ฟัง โปรดให้นำนางไปลอยแพเสีย
เรื่องกากียังมีตอนแต่งเพิ่มเรื่องขึ้นใหม่โดยนายโชติ มีกล่าวไว้ในตอนท้ายเรื่องว่า "ฉันผู้ต่อแต้มความตามประโยชน์
ชื่อว่าโชติมณีรัตน์พึ่งหัดสอน
ในคารมไม่เพราะเสนาะกลอน มิใช่ครูภู่สุนทรอย่าติเลย" เนื้อเรื่องกล่าวถึงความเป็นไปของกากีให้ผู้อ่านสิ้นสงสัย
กากีได้ไปพบพ่อค้ากลางทะเล ได้เสียกับพ่อค้า พลัดพ่อค้าไปได้กับโจร จนในที่สุดได้ไปเป็นชายาท้าวทศวงศ์ผู้ชราภาพ
เมืองอภัยสาลี ฝ่ายทางเมืองพาราณสี ท้าวพรหมทัตวายชนม์ อำมาตย์ยกนาฏกุเวรขึ้นครองราชย์
ครั้นนาฏกุเวรรู้ว่ากากีไปตกอยู่ที่เมืองอภัยสาลี ก็ยกทัพไปชิงกากีมาได้ แล้วอภิเษกนางขึ้นเป็นพระมเหสี
สุนทรภู่เลือกเนื้อเรื่องตอนพระยาครุฑอุ้มนางกากีเหาะไปวิมานฉิมพลี มาเป็นบทเห่กล่อมพระบรรทม
ชมความงามของทะเลสีทันดร และขุนเขาน้อยใหญ่รอบเขาพระสุเมรุ ดังนี้ ...

เห่เรื่องกากี

กวี : สุนทรภู่
ประเภท : บทเห่กล่อมพระบรรทม
คำประพันธ์ : กลอน
สมัย : ต้นรัตนโกสินทร์

๏ เห่เอยเห่กล่าว ถึงเรื่องราวสกุณา
ครุฑราชปักษา อุ้มกากีบิน
ล่องลมชมทวีป ในกลางกลีบเมฆิน
ข้ามคีรีศีขรินทร์ มุจลินท์ชโลทร
ชี้ชมพนมแนว นั่นเขาแก้วยุคันธร
สัตภัณฑ์สีทันดร แลสลอนล้วนเต่าปลา
งูเงือกขึ้นเกลือกกลิ้ง มัติมิงคลมัจฉา
จระเข้แลเหรา ทั้งโลมาแลปลาวาฬ
โผนเผ่นเล่นระลอก ชลกระฉอกฉาดฉาน
นาคาอันกล้าหาญ ขึ้นพ่นพล่านคงคา
หัสดินทร์บินฉาบ ก็คาบขึ้นบนเวหา
ในทะเลเภตรา บ้างแล่นมาแล่นไป
ลำนิดนิดจิ๊ดจิ๋ว เห็นหวิวหวิวอยู่ไรไร
ชมชื่นหฤทัย ก็ลอยไปในเมฆา
อุ้มแอบแนบชิด ถนอมสนิทเสน่หา
ปีกอ่อนร่อนรา กระพือพาเผ่นทะยาน
ลอยรอบขอบพระเมรุ บริเวณจักรวาล
ชมป่าหิมพานต์ เชิงชานพระเมรุธร
สินธพตระหลบเผ่น สิงโตกิเลนแลมังกร
ราชสีห์ดูมีหงอน แก้วกุญชรแลฉัททันต์
นรสิงห์แลลิงค่าง อีกเซี่ยวกางแลกุมภัณฑ์
ยักษ์มารชาญฉกรรจ์ ทั้งคนธรรพ์วิเรนทร
นักสิทธิวิทยา ถือคทาธนูศร
กินรินและกินนร รำฟ้อนร่อนรา
ห่านหงส์หลงเกษม อยู่ห้องเหมคูหา
พระฤๅษีชีป่า หาบผลาเลียบเนิน
คนป่าทั้งหมาเหมี่ยว ก็จูงกันเที่ยวดุ่มเดิน
ลอยลมชมเพลิน พนมเนินแนวธาร
มีหุบห้องปล่องเปลว ดูห้วยเหวรโหฐาน
ลดหลั่นเป็นชั้นชาน เงื่อมตระหง่านเมฆี
บ้างเขียวขาวดูวาววาม เรืองอร่ามรัศมี
ชมพลางทางชี้ บอกคดีนีรมล
ที่สูงเยี่ยมเทียมฟ้า นั่นต้นนารีผล
รูปร่างเหมือนอย่างคน ดูงามพ้นคณนา
ยิ้มย่องผ่องพักตร์ วิไลลักษณ์ดังเลขา
น้อยน้อยย้อยระย้า เพทยาธรคอย
ที่มีฤทธิ์ปลิดเด็ด อุ้มระเห็ดเหาะลอย
พวกนักสิทธิ์ฤทธิ์น้อย เอาไม้สอยเสียงอึง
บ้างตะกายป่ายปีน เพื่อนยุดตีนตกตึง
ชิงช่วงหวงหึงส์ เสียงอื้ออึงแน่นอนันต์
ที่ไม่ได้ก็ไล่แย่ง บ้างทิ่มแทงฆ่าฟัน
ที่ได้ไปไว้นั้น ถึงเจ็ดวันก็เน่าไป
พระบอกนางทางพา ลอยฟ้าสุราลัย
เที่ยวชมเล่นให้เย็นใจ แล้วกลับไปวิมานเอย ฯ
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top