Latest News

Wednesday, October 3, 2012

อิเหนา : อิเหนาเห็นนางจินตะหรา (๑๕)



อิเหนาเห็นนางจินตะหรา


     เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีเรืองศรี
จึงถวายอภิวันท์อัญชลี
องค์ประไหมสุหรีศรีโสภา
 
แล้วทำทีมิให้ใครสังเกต
ชำเลืองเนตรดูระเด่นจินตะหรา
งามงอนอ่อนจริตกิริยา
ลักขณาเลิศล้ำนารี
พิศพักตร์งามพักตร์ผุดผ่อง
ผิวเนื้อนวลละอองสองสี
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์
ภูมีดูนางไม่วางตา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ประไหมสุหรีเสนหา
พินิจพิศพักตร์พระนัดดา
กัลยาแย้มพรายทายทัก
แต่เจ้ากำเนิดเกิดมา
ถึงเพียงนี้น้าพึ่งรู้จัก
ทรงโฉมประโลมเลิศลักษณ์
สมศักดิ์สุริย์วงศ์เทวัญ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
จึงทูลว่าข้าคิดอยู่ก่อนนั้น*
จะใคร่มาอภิวันท์พระบาทา
พึ่งจะสมจินดาครานี้
มีความยินดีเป็นหนักหนา
ทูลพลางชำเลืองนัยนา
ดูระเด่นจินตะหราด้วยใจรัก ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
จินตะหราวาตีมีศักดิ์
เห็นอิเหนาเฝ้าดูอดสูนัก
นงลักษณ์แอบหลังพระชนนี
พลางชม้ายชายเนตรดูเชษฐา
นัยนาแลสบก็หลบหนี
หมอบเมียงเอียงอายเป็นท่วงที
เทวีขวยเขินสะเทินใจ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ประไหมสุหรีศรีใส
จึงตรัสแก่ธิดาทันใด
เป็นไรไม่ไหว้พี่ยา
จงฝากตัวไว้ให้รู้จัก
จะได้พึ่งพำนักในภายหน้า
อันองค์อิเหนานัดดา
ก็แก่เดือนกว่าเทวี
อย่าทำกระแหน่แง่งอน
อะหนะก็อ่อนกว่าพี่
มิใช่ว่าอื่นไกลหาไหนมี
เจ้าจงอัญชลีพี่ยา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา
ฟังพระชนนีตรัสมา
กัลยาอายเอียงเมียงมัน
เหลือบไปปะเนตรภูวไนย
ยิ่งสะเทินฤทัยไหวหวั่น
อุตส่าห์ขืนอารมณ์บังคมคัล
อิเหนากุเรปันแล้วก้มพักตร์ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีมีศักดิ์
เหลือบไปรับไหว้นางนงลักษณ์
พิศพักตร์ผิวเนื้อนวลละออง
ลำลำจะใคร่ตรัสปราศรัย
แต่หากเกรงท้าวไททั้งสอง
ให้คิดพิสมัยใจปอง
พระนิ่งตรึกตรองไปมา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระตูผู้ผ่านหมันหยา
เห็นอิเหนาเฝ้าดูธิดา
ก็แจ้งในกิริยาอาการ
พระแสร้งทำเฉยเชือนเหมือนไม่รู้
ยิ้มอยู่ในหน้าไม่ว่าขาน
นิ่งนึกตรึกตราไปช้านาน
แล้วภูบาลบัญชาพาที
สั่งประไหมสุหรีมีศักดิ์
ว่าหลานรักมาอยู่ในกรุงศรี
จงแต่งโภชนาสาลี
ให้นารีไปส่งจงทุกวัน
สั่งพลางทางตรัสแก่นัดดา
วันนี้เหนื่อยมาจงผายผัน
ไปหยุดพักอยู่ตำหนักประเสบัน
ให้ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์สำราญ ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีได้ฟังสาร
จึงบังคมก้มพักตร์พจมาน
จวนเย็นแล้วหลานจะทูลลา
พระคลานคล้อยถอยองค์ออกมาพลาง
ชำเลืองเนตรดูนางจินตะหรา
องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา
แล้วลีลาลงจากอัฒจันทร์
ชวนระเด่นดาหยนยุรยาตร
มาทรงอัศวราชผายผัน
ทวยหาญแห่แหนแน่นนันต์ 
ไปยังประเสบันอากง ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
     ครั้นถึงลงจากอัสดร
กรายกรยุรยาตรดังราชหงส์
เข้าในห้องสุวรรณบรรจง
ทอดองค์ลงกับที่ไสยา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     ช้า

     พระยอกรก่ายวิลาสพาดพักตร์
ถวิลถึงน้องรักจินตะหรา
โฉมงามทรามสวาทเพียงบาดตา
ใต้ฟ้าหาไหนไม่ทัดเทียม
งามจริตกิริยาเป็นน่าชม*
แต่บังคมพี่ชายก็อายเหนียม
ที่ลอบแลโฉมน้องลองเลียม
งามเสงี่ยมเจียมจิตพี่ติดใจ
เมื่อชม้ายมาสบหลบเนตรหนี
ท่วงทีที่ทำยังจำได้*
ยิ่งแสนเสน่หาอาลัย
เร่าร้อนฤทัยเกรียมตรม
จะผ่อนผันฉันใดนะอกเอ๋ย
จะได้เชยชวนชิดสนิทสนม
แต่ระลึกตรึกตราเป็นอารมณ์
จนบรรทมหลับไปกับไสยา ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ  ตระ
     บัดนั้น
เสนีสี่นายทั้งซ้ายขวา
ให้จับการทุกด้านดังบัญชา
ตรวจตราหน้าที่ทำพระเมรุ
ลากเสาเข้าที่ทั้งสี่ต้น
ผู้คนอึงอัดขัดเขมร
บ้างขุดหลุมลงลุยคุ้ยเลน
บ้างกะเกณฑ์กันตั้งนั่งร้าน*
เอาเชือกผูกแทงทบครบเสา
ได้ฤกษ์เร่งคนเข้าขันกว้าน
ตั้งไม้ใช้เดินรอกตะพาน*
คนประจำทำงานไม่เงือดงด
พวกทำเมรุทิศทั้งนั้น
ก็พร้อมกันยกตั้งขึ้นทั้งหมด
ติดตะม่อสองชั้นเป็นหลั่นลด
นายช่างกำหนดอำนวยการ
เจ้าหน้าที่สามส้างต่างมาจับ
ชักระดับปลายเสาเสมอสมาน
บ้างใส่สอดรอดพรึงตรึงกระดาน
เสียงสิ่วเสียงขวานอึงอล ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top